ตามกฎของเอฟวันน้ำหนักรถและน้ำหนักคนรวมกันทั้งก่อนแข่งและหลังแข่งจะต้องไม่ต่ำกว่า 740 กิโลกรัม และน้ำหนักนักแข่งรวมน้ำหนักในค็อกพิทจะต้องไม่ต่ำกว่า 80 กิโลกรัมทั้งก่อนแข่งและหลังแข่ง ซึ่งหากน้ำหนักนักแข่งไม่ถึงจำเป็นต้องใส่ตัวถ่วงน้ำหนักเพิ่มเข้าไปให้ถึง ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกันเรื่องน้ำหนักของนักขับ ซึ่งนักขับที่มีน้ำหนักน้อยย่อมได้เปรียบนักขับที่มีน้ำหนักเยอะ เพราะการแข่งรถที่มีความเร็วสูงมีการทำเวลาต่างกันระหว่างผู้แพ้และผู้ชนะเป็นระดับเสี้ยววินาที น้ำหนักน้อยลงสักเพียงแค่หนึ่งขีดย่อมมีผลต่อเวลา ดังนั้นจึงต้องกำหนดน้ำหนักต่ำสุดขึ้นมา และนักแข่งต้องควบคุมน้ำหนักให้ได้ไม่ต่ำกว่านั้น
แล้วทำไมต้องชั่งหลังแข่งอีกครั้ง
ในการแข่งขันรถฟอร์มูล่าหรือเอฟวัน ความแรงของรถอัตราเร่งของมันยามทะยานไปบนสนามแข่งสามารถสร้างแรงกดได้ถึงระดับ 5G แรงกด 1G เท่ากับ 9.8 เมตรต่อวินาที ในแรง 5G สามารถทำให้คนน้ำหนัก 60 กิโลกรัม ต้องแบกน้ำหนักตัวเองถึง 300 กิโลกรัมเวลาเร่งความเร็วถึง 5G และเวลาการแข่งขันในแต่ละครั้งยาวนานถึง 90 นาที แต่หมวกกันน็อคน้ำหนัก 1 กิโลกรัมเมื่อเร่งความเร็วถึงที่สุดมันอาจจะหนักถึง 7 กิโลกรัม นักแข่งต้องแบกน้ำหนักขนาดนั้นในสภาวะความเร็วและความเครียดถึง 90 นาที หัวใจของนักแข่งเต้นเร็วถึงจังหวะของนักวิ่งมาราธอน บางครั้งอาจสูงถึง 170 ครั้งต่อนาที ซึ่งเต้นเร็วขนาดนั้นถ้าไม่แข็งแรงพออาจจะล้มเหลวได้เลย
เมื่ออยู่ในภาวะที่หนักหน่วงขนาดนั้นประกอบกับความร้อนในห้องนักแข่ง มันอาจทำให้น้ำหนักของหนักแข่งน้อยลงระหว่างแข่งได้ถึง 5 กิโลกรัม ความได้เปรียบเสียเปรียบจึงเกิดขึ้น น้ำหนักของรถรวมนักแข่งอาจตกลงไปต่ำกว่าผู้จัดการแข่งขันกำหนด ดังนั้นทีมจึงมีหน้าที่ระวังและคอยทำน้ำหนักระหว่างการแข่งให้พอดีไม่อย่างนั้นอาจถูกตัดสิทธิในการแข่งได้ ซึ่งทางที่ปลอดภัยคือนักขับต้องทำน้ำหนักเผื่อไว้ก่อน แต่จะกินจนหนักมากไปก็ไม่ได้เพราะน้ำหนักก็มีผลกับความเร็ว
ฉะนั้นการเป็นนักขับก็ไม่ใช่เรื่องง่าย น้ำหนักต้องไม่มากไปไม่น้อยไป และต้องแข็งแรงในระดับที่เรียกว่ายอดมนุษย์เลยทีเดียว เพราะการอยู่ในแรงดันถึง 5G เป็นเวลานานนาน ทั้งต้องมีสมาธิตลอดเวลา อัตราเต้นของหัวใจมากขนาดนั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติที่มนุษย์ธรรมดาจะทนได้ นักขับต้องฝึกฝนร่างกายมวลกล้ามเนื้อ และกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรงทนทานต่อแรงกดดันได้ตลอดเวลา
ความฟิตเท่านั้นคือคำตอบ
สำหรับใครที่อยากเป็นนักแข่งอย่าคิดว่าแค่รถแรงก็ชนะแล้ว แค่รถแรงอย่างเดียวไม่พอคนขับก็ต้องฟิตถึงด้วย เพราะต้องใช้ร่างกายจิตใจและสมาธิ เพ่งลงไปในการขับทุกวินาที ทุกโค้งทุกเนินมีความหมาย พลาดนิดเดียวอาจลงไปนอนหงายท้องข้างถนน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่ในสนามแข่งเท่านั้น บนถนนก็เช่นกัน ถ้าร่างกายไม่พร้อมอย่าคิดว่าจะโชคดีไปตลอดทาง