ลูอิส แฮมิลตัน: ตำนานนักแข่งผู้พังทลายอุปสรรค

ลูอิส แฮมิลตัน ชื่อที่สื่อถึงความเร็ว ทักษะ และความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง ได้จารึกชื่อของเขาไว้ในบันทึกประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ต เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2528 ในเมืองสตีเวนิจ ประเทศอังกฤษ การเดินทางของแฮมิลตันจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ น้อยๆ สู่การเป็นแชมป์โลกฟอร์มูลาวัน 7 สมัยเป็นข้อพิสูจน์ถึงความหลงใหลที่ไม่เปลี่ยนแปลงและพรสวรรค์ที่หาตัวจับยากของเขา

ตั้งแต่อายุยังน้อย เห็นได้ชัดว่าแฮมิลตันมีของขวัญหายากสำหรับการแข่งรถ รู้จักการแข่งรถโกคาร์ทตั้งแต่อายุแปดขวบ เขาฝึกฝนทักษะอย่างรวดเร็ว แสดงความเร็วและการควบคุมที่น่าทึ่งบนสนามแข่ง ขณะที่เขาเลื่อนตำแหน่ง พรสวรรค์อันน่าทึ่งของเขาได้รับความสนใจจากรอน เดนนิส ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าทีมของแมคลาเรน

ในปี 2550 เมื่ออายุได้ 22 ปี แฮมิลตันเปิดตัวฟอร์มูล่าวันกับทีมแมคลาเรน-เมอร์เซเดส กลายเป็นนักแข่งรถผิวดำคนแรกในประวัติศาสตร์ของกีฬาชนิดนี้ ในปีใหม่ของเขา เขาแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะที่เกินอายุของเขา แสดงการแซงที่น่าทึ่ง กลยุทธ์ที่คำนวณได้ และความสามารถที่แปลกประหลาดในการปรับตัวเข้ากับสภาพเส้นทางที่แตกต่างกัน แม้ญาติของเขาไม่มีประสบการณ์ แต่การแสดงของแฮมิลตันก็ไม่ได้ขาดความพิเศษ ทำให้เขาได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางและท้าทายกฎของกีฬานี้

ความก้าวหน้าของแฮมิลตันเกิดขึ้นในปี 2551 เมื่อเขาเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่เพื่อชิงแชมป์กับเฟลิเป้ มาสซาแห่งเฟอร์รารี ในตอนจบที่กัดเล็บที่ Brazilian Grand Prix การแซงของแฮมิลตันในรอบสุดท้ายทำให้เขาจบอันดับที่ 5 ทำให้เขาได้รับคะแนนที่จำเป็นเพื่อแย่งแชมป์จาก Massa เพียงแต้มเดียว มันเป็นช่วงเวลาสำคัญในอาชีพของเขา ทำให้เขากลายเป็นแชมป์โลก Formula One ที่อายุน้อยที่สุดในเวลานั้น

ในปีต่อ ๆ มา แฮมิลตันยังคงเขียนบันทึกใหม่ โดยทิ้งร่องรอยที่ลบไม่ออกไว้บนวงการกีฬา การย้ายไปร่วมทีม Mercedes-AMG Petronas Formula One ในปี 2013 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นความสำเร็จที่ผลักดันเขาไปสู่ความสำเร็จขั้นใหม่ ด้วยยุคไฮบริดที่โดดเด่นของเมอร์เซเดส แฮมิลตันเริ่มต้นขึ้นสู่อำนาจสูงสุด คว้าแชมป์ครั้งแล้วครั้งเล่า

นอกเหนือจากความสามารถในสนามแข่งแล้ว ผลกระทบของแฮมิลตันยังขยายไปไกลกว่าขอบเขตของมอเตอร์สปอร์ต ผู้สนับสนุนที่หลงใหลในความหลากหลาย ความเท่าเทียม และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เขาใช้แพลตฟอร์มของเขาเพื่อสร้างความตระหนักรู้และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก จากการต่อต้านความอยุติธรรมทางเชื้อชาติไปจนถึงการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมการแข่งรถ แฮมิลตันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ระดับโลกทั้งในและนอกสนาม

การแสวงหาความเป็นเลิศอย่างไม่หยุดยั้งของเขาและความมุ่งมั่นในการก้าวข้ามขอบเขตได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักแข่งรุ่นใหม่ ทำลายอุปสรรคและเปลี่ยนโฉมหน้าของ Formula One ความสำเร็จของแฮมิลตันได้ทำลายความคิดแบบเดิมๆ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าพรสวรรค์และความมุ่งมั่นสามารถอยู่เหนือเชื้อชาติ ภูมิหลัง และสถานการณ์ได้

ในฐานะนักแข่งรถชาวอังกฤษที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟอร์มูลาวัน มรดกของลูอิส แฮมิลตันนั้นถูกยึดไว้อย่างแน่นหนา แชมป์โลก 7 สมัย ตำแหน่งโพลโพซิชันกว่า 100 ครั้ง และชัยชนะในการแข่งขัน 103 รายการทำให้เขากลายเป็นนักแข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่สถิติของเขาเท่านั้นที่กำหนดตัวเขา แต่ยังรวมถึงผลกระทบที่เขามีต่อกีฬาและสังคมโดยรวมด้วย

การเดินทางของ Lewis Hamilton เป็นข้อพิสูจน์ถึงพลังแห่งความฝัน ความยืดหยุ่น และการปฏิเสธที่จะยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ ในขณะที่เขายังคงผลักดันขอบเขตของสิ่งที่เป็นไปได้ เขายังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักแข่งที่ต้องการทั่วโลก เตือนเราว่าด้วยความทุ่มเท ความกล้าหาญ และความเชื่อมั่นในตนเองที่แน่วแน่ ทุกสิ่งก็สามารถบรรลุได้ ลูอิส แฮมิลตัน ตำนานนักแข่งรถผู้ทำลายอุปสรรค จะเป็นสถานที่พิเศษในหัวใจของผู้ที่ชื่นชอบมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลกตลอดไป

“วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์” นักแข่งไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ GT World Challenge Asia

Blancpain GT World Challenge Asia ถือเป็นรายการแข่งขันรถซูเปอร์คาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอเชีย โดยผู้ชนะจะได้สิทธิเข้าแข่งขันในรายการ FIA GT World Cup ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมาจะมีนักแข่งรถชาวไทยเข้าร่วมประลองความเร็วในทุกรุ่นการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น GT3 Silver, GT3 Pro-Am, GT3 Am และ GT4 แต่ไม่เคยมีใครเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์สักครั้งเดียว จนกระทั้ง “วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์” จากทีม Panther/AAS Motorsport คว้าแชมป์ในรุ่น GT3 Pro-Am ได้สำเร็จในปี 2019

วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ ถือเป็นนักแข่งรถที่มากประสบการณ์ กวาดรางวัลมาแล้วมากมายทั้งระดับประเทศและนานาชาติ โดยคลุกคลีกับวงการมอเตอร์สปอร์ตมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี จากการเป็นบุตรชายคนโตของเจ้าสัวอนุศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด บริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่และเบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย แม้ในปัจจุบันจะดำรงตำแหน่งประธานบริหารบริษัท แต่เขาก็ยังไม่ทิ้งอาชีพนักแข่ง โดยเป็นผู้ก่อตั้งทีม ASS Motorsport และยังเป็นนักแข่งประจำทีมอีกด้วย

วุฒิกรเคยเข้าร่วมการแข่งขัน Blancpain GT World Challenge Asia ในรุ่น GT3 Pro-Am  มาแล้วเมื่อปี 2017 ในนามทีม est cola Thailand โดยขับ Porsche911 GT3 R ลงแข่งขันไปเพียง 2 สนาม ในสนามที่ 3 และ 4 ของรายการ ซึ่งจัดขึ้นที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เก็บได้ 3 แต้ม จากการจบในอันดับที่ 9 และอันดับที่ 10 ตามลำดับ

ภายหลังก่อตั้งทีม ASS Motorsport วุฒิกรเข้าร่วมการแข่งขัน Blancpain GT World Challenge Asia อีกครั้งในปี 2019 ซึ่งได้ Alexandre Imperatori นักแข่งรถชาวสวิสมาเป็นทีมเมท โดยเลือกใช้ Porsche911 GT3 R เหมือนเดิม และตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันครบทั้ง 12 สนาม ก่อนจะซิ่งปอร์เช่คู่ใจเข้าเส้นชัยเป็นคันแรกในรุ่น GT3 Pro-Am  ถึง 5 สนาม จากสนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย, สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศไทย, สนามฟูจิ สปีดเวย์ ประเทศญี่ปุ่น, สนามเกาหลี อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศเกาหลีใต้ และสนามเซี่ยงไฮ้ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศจีน โดยทำคะแนนได้เป็นอันดับ 1 ในรุ่น GT3 Pro-Am คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ แถมยังทำคะแนนรวมได้ถึง 141 คะแนน รั้งอันดับ 2 Overall  ตามหลัง Roelof Bruins นักแข่งชาวดัตช์ที่เลือกใช้ Mercedes-AMG GT3 และคว้าแชมป์ GT3 Silver ไปครอง เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮากระฉ่อนไปทั่วในเว็บ VWIN เลยทีเดียว

การคว้าแชมป์ของวุฒิกรครั้งนี้ ทำให้เขาได้รับเลือกให้เข้าแข่งขันรายการ FIA Motorsport Games GT Cup ในนามทีมชาติไทย ร่วมกับทีมชาติจากทั่วโลกอีก 21 ประเทศ ณ สนาม ACI Vallelunga Circuit ประเทศอิตาลี โดยครั้งนี้ได้ กันตธีร์ กุศิริ เป็นทีมเมท พร้อมด้วย Porsche911 GT3 R คันเดิม ทั้งคู่ช่วยกันขับปอร์เช่คู่ใจทำคะแนนในรอบจัดอันดับจนได้ลำดับการปล่อยตัวเป็นที่ 6 ในรอบ Main Race ซึ่งในการแข่งขันรอบตัดสินช่วงแรก ทีมชาติไทยสามารถเร่งเครื่องจนขึ้นไปอยู่ในอับดับ 1 แต่ด้วยสภาพอากาศที่มีฝนตกอย่างหนักและความไม่คุ้นเคยกับสนาม ทำให้พวกเขาหลุดจากแทร็กในช่วงโค้งที่ 4  จนต้องออกจากการแข่งขันไปก่อนจะเข้าเส้นชัย

ปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นผู้นำการจัดการแข่งขันรถยนต์ของอาเซียน โดยมีการแข่งขัน Thailand Super Series ซึ่งจัดขึ้นประจำทุกปีเป็นกำลังสำคัญในการสร้างนักแข่งรถยนต์รุ่นใหม่ ความสำเร็จของวุฒิกรถือเป็นอีกก้าวสำคัญของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยในเวทีระดับโลก นับเป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้แก่นักแข่งรุ่นน้องที่จะช่วยผลักดันให้พวกเขาก้าวขึ้นมาประสบความสำคัญระดับโลกในอนาคต

เหตุผลที่ทำไมใคร ๆ ก็ชอบกีฬารถแข่ง

กีฬารถแข่ง เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากในต่างประเทศ หลาย ๆ คนน่าจะเคยเปิดโทรทัศน์ผ่านตากันบ้าง แล้วสงสัยไหมว่าเพราะอะไรกีฬารถแข่งจึงได้รับความนิยมมากขนาดนี้ เราในฐานะคนวงนอกอาจจะไม่รู้สักเท่าไรว่าเพราะอะไรกีฬารถแข่งจึงได้เป็นที่นิยม แต่ว่าแท้ที่จริงแล้วกีฬารถแข่งมีเสน่ห์อย่างที่ใครหลาย ๆ คนไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้เราจะพามาเจาะลึกสาเหตุที่ใครต่อใครก็ชอบรถแข่งทั้งในแง่ของคนดู ในแง่ของนักแข่งรถ และในแง่ของผู้สนับสนุน

คนดูหลงใหลอะไรในกีฬารถแข่ง

สิ่งที่คนชื่นชอบกีฬารถแข่งพูดเป็นเสียงเดียวกันก็คือ กีฬารถแข่งมีเสน่ห์ในความตื่นเต้น ทำให้คนดูลุ้นจนลืมหายใจเลยก็ว่าได้ หลายครั้งที่ทีมซึ่งเรากำลังเชียร์ทำท่าจะแพ้ แต่ก็พลิกกลับมาแซงคู่แข่งแล้วก็เอาชนะได้ เป็นช่วงเวลาที่ลุ้นระทึกมากที่สุดเลยทีเดียว แน่นอนว่าการดูกีฬารถแข่งทำให้ร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีนและทำให้ลืมความเครียดในชีวิตประจำวัน ความเครียดจากการทำงาน เหมือนได้หลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่ง แม้จะเป็นช่วงขณะสั้น ๆ แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความหมายและทำให้หายทุกข์ใจได้เลยทีเดียว

คนขับรถหลงใหลสิ่งใดในการขับรถแข่ง

นักแข่งรถหลงใหลอะไรในกีฬารถแข่ง ในเมื่อการแข่งรถทั้งเสี่ยงอันตราย หากไม่ถึงแก่ชีวิตก็มีสิทธิ์พิการ หลาย ๆ คนคงเคยนึกสงสัยเช่นนั้น แต่ต้องบอกเลยว่าเสน่ห์ของการขับขี่นั่นเองที่ทำให้นักแข่งรถหลาย ๆ คนไม่สามารถเลิกได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วค่าตอบแทนอาจจะไม่ได้มากมายอะไร แต่ทว่าช่วงเวลาที่ได้โลดแล่นไปบนสนามแข่งขัน ได้บี้คู่แข่งไปแบบระยะประชิด เป็นช่วงเวลาที่นักแข่งรถหลงใหล ความรู้สึกเหมือนติดปีกบิน ไปได้อย่างอิสระเสรีเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถหาได้แล้วจากที่ไหนบนโลกนี้ หรือหากว่าฝีมือดีจริง ๆ ก็มีสิทธิ์โด่งดังระดับโลกได้ อาจได้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าต่าง ๆ ได้รับการยกย่องจากคนทั่วไปอีกด้วย

สปอนเซอร์กับกีฬารถแข่ง

สปอนเซอร์เป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในกีฬารถแข่ง เพราะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กีฬารถแข่งขับเคลื่อนไปได้ เราจะเห็นสปอนเซอร์อยู่ที่ตัวรถหรือติดเป็นป้ายอยู่ข้างสนาม ซึ่งสปอนเซอร์เองก็จัดได้ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลสำคัญในกีฬารถแข่งไม่แพ้คนดูและนักแข่งรถเลยทีเดียว เพราะเป็นเจ้าของเม็ดเงินมหาศาลในวงการแข่งรถ และขับเคลื่อนวงการแข่งรถให้ดำเนินไปได้

การเดิมพันที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้

ทุกกีฬา ทุกการแข่งขัน มีการเดิมพันเสมอ นี่คือข้อดีอีกอย่างหนึ่งของเหล่า ๆ แฟนกีฬาทุกชนิด ไม่เว้นแม้แต่กีฬาแข่งรถ ที่เปิดโอกาสให้ได้ร่วมสนุกไปกับการวางเดิมพัน พร้อม ๆ กับการชมสด หรือชมการถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์ ด้วยทางเลือกที่ยืดหยุ่นกว่า เชื่อถือได้ จ่ายเงินจริง กับเว็บไซต์คาสิโนคุณภาพที่แฟน ๆ กีฬาไว้วางใจ

และนี่ก็คือเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกีฬารถแข่ง ทั้งเป็นผู้ชม ผู้เล่น ผู้สนับสนุน หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังมองมาที่วงการแข่งรถอย่างสนอกสนใจ เริ่มต้นการเข้าสู่วงการรถแข่งในฐานะผู้ชมด้วยการอ่านข่าวเกี่ยวกับรถแข่งบ่อย ๆ หรือหากใครอยากเป็นนักแข่งรถก็ทดลองไปขับที่สนามแข่งรถที่มีมาตรฐานก็ได้เช่นกัน ไม่แน่ว่าคุณอาจจะหลงเสน่ห์กีฬารถแข่งแบบถอนตัวไม่ขึ้นเลยก็เป็นได้

4 ความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับรถแข่ง

รถแข่ง เป็นกีฬาที่หากจะพูดไปแล้ว คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักกันสักเท่าไรนัก เนื่องจากว่ารถแข่ง ไม่แพร่หลายในประเทศไทยเท่ากับต่างประเทศ เวลาเด็ก ๆ บอกกับผู้ปกครองว่าอยากลองแข่งรถ หรือขับรถซิ่งดูบ้าง น้อยคนที่จะสนับสนุน เพราะว่าเอาไปรวมกันกับพวกรถซิ่งหรือรถแว้นกวนเมืองนั่นเอง แต่วันนี้เราจาะพาคุณมาปรับความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวของรถแข่ง อ่านจบแล้วทัศนคติของคุณที่มีต่อรถแข่งจะเปลี่ยนไปแน่นอน

1.รถแข่งเป็นกีฬาอันตราย หลาย  ๆ คนเมื่อพูดถึงกีฬารถแข่งจะต้องนิ่วหน้าด้วยความหวาดเสียว ด้วยเชื่อว่าเป็นกีฬาที่สุดแสนจะอันตราย ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว กีฬาชนิดนี้ไม่ได้อันตรายอย่างที่ใครต่อใครคิด เพราะมีอุปกรณ์สำหรับการเสริมสร้างความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้สนามเองก็ยังถูกสร้างมาเพื่อรองรับการแข่งขันรถโดยเฉพาะ ตัวรถเองก็เช่นกัน มีการสร้างเพื่อปกป้องตัวนักแข่งรถไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรง เรียกได้ว่าเป็นกีฬาที่ปลอดภัย ตราบใดที่นักแข่งรถขับในสนาม แต่หากพูดถึงรถซิ่งและรถแว้นนั้นไม่ได้รวมอยู่ในกีฬารถแข่งเลยสักนิด

2.นักแข่งรถผู้หญิง เป็นความฝันที่ไกลเกินเอื้อม แม้มองเผิน ๆ กีฬารถแข่งเป็นกีฬาสำหรับผู้ชาย คนที่ชอบดูส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชาย แต่แท้ที่จริงแล้ว นักแข่งรถผู้หญิงที่โด่งดังในโลกก็มีหลายคน แต่ละคนก็สวยและเก่งแบบไม่มีใครยอมใคร อันที่จริงยุคนี้ก็หมดสมัยแล้วที่จะจำกัดว่าผู้ชายทำอาชีพอะไรได้ ผู้หญิงทำอาชีพอะไรได้ เพราะความเสมอภาคและความเท่าเทียมที่มากขึ้นนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดี หากใครอยากเป็นนักแข่งรถผู้หญิง แนะนำว่าให้ดูต้นแบบหรือไอดอลนักแข่งรถระดับโลกจะดีกว่า ไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้แรงบันดาลใจจากเธอก็เป็นได้

3.การแข่งรถมีประเภทเดียว นี่ก็เป็นความเข้าใจที่ผิด ใครที่คิดว่ารถแข่งมีประเภทเดียวต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ เพราะว่าการแข่งขันนั้นมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งที่ประเภทสนามอย่าง รถแข่งประเภททางตรง รถแข่งแบบเซอร์กิต รถแข่งแบบคอสคันทรีดาวฮิล รถแข่งแบบแกรนด์ทัวริ่ง ซึ่งรายละเอียดแต่ละประเภทก็ลงลึกขึ้นไปอีกที อยู่ที่ว่าคุณนั้นสนใจแบบไหนแล้วไปหาความรู้เพิ่มเติมจะดีที่สุด หากมีความรู้เพิ่มเติมจะทำให้ดูกีฬารถแข่งสนุกยิ่งขึ้น

4.การเดิมพันรถแข่งทำยาก เป็นอีกเรื่องที่หลาย ๆ คนมักจะเข้าใจผิด และไม่ค่อยอยากจะลงเดิมพันกับกีฬาชนิดนี้เท่าไร ซึ่งจริง ๆ แล้วการวางเดิมพันนั้นทำง่ายมาก แถมยังยืดหยุ่นแบบสุด ๆ เพราะเวลาในการแข่งขันที่มากกว่า มีทั้งรอบควอลิฟายและการแข่งจริง อีกทั้งกว่าจะได้แชมป์ยังต้องแข่งขันกันในหลายสนาม ซึ่งทำให้คุณสามารถเลือกวางเดิมพันและแก้มือได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

และนี่ก็คือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการแข่งรถที่หลาย ๆ คนควรปรับความเข้าใจเสียใหม่ การแข่งรถ ถือเป็นกีฬาที่สร้างสรรค์มาก และยังทำให้คนเล่นเกิดสมาธิ คนดูลุ้นระทึกไปกับเกม สิ่งเหล่านี้เป็นเสน่ห์ที่ยากจะมองข้ามสำหรับกีฬารถแข่ง แม้หลาย ๆ คนจะมองว่าเป็นกีฬาอันตราย แต่หากเล่นด้วยสติและความระมัดระวังก็ไม่เกิดปัญหานั้นอย่างแน่นอน กีฬาประเภทใดก็ตาม หากรู้จักเล่นอย่างมีสติ เล่นแบบพอประมาณ เชื่อได้เลยว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวผู้เล่นอย่างแน่นอน

เรื่องราวเบื้องหลังสถิติมอเตอร์สปอร์ตที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน

หลังจากการทดสอบรวมถึงการรวบรวมข้อมูลของการแข่งขันรถสูตร 1 ของ Forix ซึ่งใช้เวลายาวนานได้สิ้นสุดลงไปแล้ว เราก็ได้นำเอาเรื่องราวเบื้องหลังการเก็บสถิติมอเตอร์สปอร์ตที่เชื่อว่ายังไม่มีใครรู้มาฝากกัน

Forix ผู้อยู่เบื้องหลังการเก็บสถิติ         

                จากเกาะ Azores ที่ไกลออกไป Jaoa Paulo Cunha ใช้เวลามากกว่า 30 ปี ในการรวบรวมและประมวลผลสถิติเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความแม่นยำและครอบคลุมมากที่สุดจากการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต    

ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่าน Jaoa Paulo Cunha และทีมงานของ Forix ได้ใช้เวลาในการทำงานเพื่อจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในการแข่งขันรถแข่งรวมถึงเรื่องของล้อรถยนต์ทั้ง 4 ล้อไปจนถึงตัวมอเตอร์ไว้อย่างครบถ้วน อย่างที่เรียกได้ว่ามีการเก็บทุกสถิติในโลกที่เกี่ยวข้องกับการแข่งรถที่แฟน ๆ ให้ความสนใจก็ว่าได้

ในบางช่วงที่มีซีซั่นการแข่งขันทีมงานของพวกเขาต้องทำงานกันอย่างต่อเนื่องถึง 18 ชั่วโมง อย่างไม่มีวันหยุดรวมถึงวันอาทิตย์ ทำให้ตอนนี้ Forix มีข้อมูลการแข่งขันรถทั้งสิ้น 515 ซีรีย์ทั้งที่มีการจัดแข่งขันขึ้นในปี 2018 และรายการที่ไม่มีการจัด มีข้อมูลผลการแข่งขันกว่า 52,000 สนาม รวมถึงข้อมูลของนักแข่งกว่า 70,000 คนและรถแข่งกว่า 6,000 คัน

จากงานอดิเรกนำไปสู่การเก็บสถิติระดับโลก

Jaoa Paulo Cunha กล่าวว่า ตอนแรกการเก็บข้อมูลเหล่านี้ก็เหมือนจะเป็นงานอดิเรก เนื่องจากเขาเป็นแฟนตัวยงของการแข่งขันรถ F1 เขาก็เลยตามเก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นแล้วบันทึกลงไปในคอมพิวเตอร์และทำมันมาอย่างต่อเนื่องจนเริ่มกลายเป็นงานที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด Forix ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ที่ทำการเก็บรวบรวมและประมวลผลสถิติต่าง ให้กับการจัดแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตและเข้าร่วมเป็นเครือข่ายพันธมิตรของการแข่งขันทั้งหลายเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2016 นับจากวันนั้นถึงวันนี้นับเป็นระยะเวลาถึง 50 ปีของ Jaoa Paulo Cunha เรียกได้ว่าทำมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่เลยทีเดียว และสาเหตุที่เขาเลือกที่ตั้งในการทำงานอยู่ที่เกาะ Azores ก็เนื่องจากสะดวกสำหรับการเก็บข้อมูลการแข่งขันที่อยู่ในสนามของแต่ละประเทศซึ่งมี Timezone แตกต่างกันนั่นเอง

สำหรับความแม่นยำของการเก็บข้อมูลนั้น Jaoa Paulo Cunha ยังกล่าวต่อว่า ในบางครั้งการเก็บข้อมูลของ Forix ยังมีความแม่นยำกว่าการเก็บข้อมูลของผู้จัดงานเสียอีก ทำให้บริษัทมีส่วนช่วยในการเก็บสถิติของมอเตอร์สปอร์ตได้มากจนได้รับการยอมรับและได้รับความเชื่อถือจากเหล่าผู้จัดระดับโลก

สำหรับแฟน ๆ ที่สนใจการเก็บข้อมูลการแข่งรถระดับโลกซีรีย์ต่าง ๆ จาก Forix คุณสามารถค้นหาข้อมูลและเข้าถึงบริการในรูปแบบต่าง ๆ ได้ทางออนไลน์

Brad Keselowski พา Ford New Mustang คว้าแชมป์ NASCAR CUP ฤดูกาลแรกปี 2019

Brad Keselowski กลับมาผงาดสังเวียนการแข่งรถระดับโลกอีกครั้งสำหรับฤดูกาลแรกของถ้วย NASCAR CUP ของปี 2019 โดยครั้งนี้เขาได้พา Ford New Mustang รถสปอร์ตรุ่นใหม่จากค่ายฟอร์ดเข้าเส้นไปได้หลังฟื้นจากอาการป่วย 

Brad Keselowski กลับคืนสังเวียน

                Bladley Asron Keselowski เป็นนักแข่งรถมืออาชีพชาวอเมริกันที่เชื่อว่าแฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ตคงจะรู้จักและได้ติดตามผลงานของเขากันมาบ้าง เพราะ Brad เริ่มเข้าสู่วงการนักแข่งมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2004 อีกทั้งยังสร้างสถิติเป็นนักแข่งคนที่ 2 ในจำนวนทั้งหมด 4 คน ที่สามารถคว้าแชมป์ทั้งถ้วย Series Cup และ Xfinity Series ได้ในคราวเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นนักแข่งคนที่ 25 ที่สามารถเอาชนะการแข่งขันทั้ง 3 ซีรีย์ของ NASCAR ไปได้อีกด้วย

ก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันฤดูกาล 2019 นี้ Brad Keselowski ต้องเจอกับอาการป่วย แต่เขาก็สามารถฟื้นร่างกายเพื่อกลับมาลงแข่งซีซั่นแรกของ NASCAR CUP 2019 และคว้าถ้วยไปครองได้ในที่สุด     
               

Brad Keselowski  ซิ่ง Ford New Mustang คว้าแชมป์ NASCAR CUP 2019

                การแข่งขันซีซั่นแรกของ NASCAR CUP 2019 ที่ผ่านมา Brad Keselowski ที่ฟื้นจากอาการป่วยได้ลงแข่งขันโดยใช้รถสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Ford Mustang ลงแข่งที่สนาม Atlanta ซึ่งถือเป็นรางวัลจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก ทำให้ Brad คว้าแชมป์ในรอบสุดท้ายของการแข่งขันและสามารถคว้าถ้วยชนะเลิศในรายการซีรีย์เป็นครั้งที่ 28 และถือเป็นนักแข่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีม Penske  

                ในการแข่งขันครั้งนี้ Brad Keselowski ขึ้นเป็นผู้นำได้ถึง 293 รอบ จากทั้งหมด 325 รอบ และเมื่อเขาสามารถแซงเพื่อนร่วมทีมอย่าง Joey Logano ที่มีลุ้นในถ้วยใบนี้เช่นเดียวกันไปได้จึงทำให้ Brad Keselowski เริ่มเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องในรอบต่อ ๆ มา จนเข้าเส้นชัยและคว้าถ้วยไปได้ในที่สุด

                นอกจาก Brad Keselowski แล้ว Erik Jones, Polesitter Aric Almirola, Chris Buescher และ Daniel Suarez ยังเป็นนักแข่งที่ติดอันดับผู้ที่สามารถทำคะแนนได้สูงสุดสำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ ส่วน Kyle Larson ผู้ที่เอาชนะในนัดเปิดการแข่งขันและผู้ที่สามารถขึ้นเป็นผู้นำได้ถึง 142 รอบ ทำได้เพียงแค่อันดับที่ 12 สำหรับซีซั่นนี้เท่านั้นเนื่องจากต้องเจอกับปัญหารถตกหลุมในการแข่งขัน Stage ที่ 2 อีกทั้งยังมีนักแข่งอีกหลายคนที่หลุดจากตำแหน่งผู้นำเนื่องจากเจอปัญหาคล้าย ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น Ryan Blaney และ Jimmie Johnson อดีตแชมป์ 7 สมัย ที่ขับ Chevrolet เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 24 ในการแข่งขันครั้งนี้

                ส่วนผู้ที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 2 รองจาก Brad Keselowski คือ Martin Trux Jr. จากทีม Joe Gibbs Racing กับรถสปอร์ตจาก Toyota ส่วนอันดับ 3 คือ Kurt Busch จากทีม Chip Ganassi Racing กับรถสปอร์ตจาก Chevrolet ส่วนในซีซั่นต่อไปของ NASCAR CUP 2019 ก็ต้องติดตามกันว่านักแข่งคนใดที่จะสามารถคว้าถ้วยไปครองได้

Lewis Halmilton แชมป์ F1 อายุน้อยที่สุดในโลก

เมื่อพูดถึงชื่อของนักแข่งรถสูตร 1 ที่มาแรงที่สุดในตอนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ ก็คงต้องเป็นแชมป์ F1 คนล่าสุดที่สามารถคว้าถ้วยรางวัลให้กับทีม Mercedes ไปได้ วันนี้เราจึงจะพาไปคุณรู้จักกับ Lewis Halmilton นักแข่งรถชาวอังกฤษที่ได้ชื่อว่าเป็นแชมป์ F1 ที่อายุน้อยที่สุดในโลก

ทำความรู้จักกับ Lewis Halmilton      

                Lewis Halmilton เป็นนักแข่งรถชาวอังกฤษ ปัจจุบันอายุ 33 ปีที่ทำสถิติคว้าแชมป์โลกในการแข่งขันรถสูตร 1 ให้กับทีม Mercedes AMP Petrrnas ได้ถึง 5 ครั้งจนเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักแข่งที่ดีที่สุดและอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์วงการการแข่งรถ

จุดเริ่มต้นการเป็นนักแข่ง

Lewis Halmilton เกิดและโตที่เมือง Stevenage, Hertfordshire ใกล้กับกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ โดยเขาได้เริ่มสนใจเรื่องการแข่งรถตั้งแต่ตอนที่พ่อเขาซื้อรถแข่งบังคับวิทยุให้ตอนอายุ 6 ขวบ ต่อด้วยการเริ่มขับรถโกคาร์ทและเริ่มเข้าสู่วงการการแข่งรถโดยการสนับสนุนของบิดา Halmilton ได้เริ่มเข้าแข่งขันโกคาร์ทตั้งแต่ปี 1993 คือตอนที่เขามีอายุแค่เพียง 8 ขวบและได้แชมป์อันดับ 1 หลังจากนั้น 2 ปีต่อมาเขาก็ได้เข้าไปเสนอตัวเองกับทีม McLaren โดยเขาเชื่อว่าวันหนึ่งเขาจะได้มีโอกาสเข้าร่วมทีมและขับรถของ McLaren คว้าแชมป์ได้ เมื่อเขาอายุได้ 12 ปี  ทักษะการขับขี่ของเขาก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ และสามารถคว้าแชมป์ในรายการ Junior Yamaha ไปได้ในฤดูกาล 1997 และ 1998 จน McLaren เห็นความสามารถและได้เรียก Halmilton เข้าไปร่วมทีมและได้เซ็นต์สัญญาเป็นนักแข่งของ McLaren จนต่อมาก็ได้ไต่เต้าขึ้นเป็นนักแข่ง Formala 1 ของทีม McLaren ในที่สุด

เส้นทางสู่ความสำเร็จ

                ปี 2007 เป็นปีแรกที่ Halmilton ลงเป็นนักแข่งให้กับ McLaren ในสนามแข่งฟอร์มูล่าวัน โดยเขาสามารถเอาชนะได้ในสนาม Canadian Grand Prix ซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งแรกของเขาในการแข่งขัน Formula 1 จนต่อมาในปี 2008 เขาก็ได้พัฒนาความสามารถที่ต้องทำให้คนทั้งโลกได้ทึ่งเนื่องจากเขาได้ทำสถิติคว้าแชมป์ฟอร์มูล่าวันที่มีอายุน้อยที่สุดในโลกมาครองในฐานะนักแข่งของทีม McLaren จนกระทั่งปี 2013 Halmilton ได้ย้ายมาเข้าร่วมทีมกับ Mercedes และสามารถคว้าแชมป์ให้กับทีม Mercedes ได้ อีกทั้งสามารถรักษาอันดับแชมป์ไว้ได้ในปี 2014 และปี 2015 และสามารถกลับมาคว้าตำแหน่งอันดับ 1 ของโลกได้ในปี 2017 และปี 2018 ซึ่งเป็นปีล่าสุด ถือเป็นนักแข่งที่มีอายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้าแชมป์ให้กับทีม Mercedes ได้ถึง 5 ครั้ง จนได้รับการจารึกว่าเป็นนักแข่งรถที่ดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์การแข่งขัน Formula 1

สำหรับฤดูกาลปี 2019 ที่กำลังจะมาถึง  Halmilton ก็จะยังคงเป็นนักแข่งให้กับทีม Mercedes และได้มีการต่อสัญญาไปจนถึงปี 2020 ซึ่งเขาเชื่อว่าจะสามารถคว้าแชมป์และรักษาตำแหน่งแชมป์โลกเอาไว้ได้อีกครั้ง

อเล็กซานเดอร์ อัลบอน นักแข่งรถสัญชาติไทยที่จะได้ลงสู้ศึก F1 ฤดูกาล 2019

อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทย ที่วันนี้เราได้มีนักแข่งรถสัญชาติไทยที่จะได้ไปลงสู้ศึกในสนามแข่งรถที่ใหญ่และเป็นอันดับ 1 ของโลกนั่นก็คือการแข่งรถฟอร์มูล่า 1 “อเล็กซานเดอร์ อัลบอน” คนนี้เป็นใคร เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับเค้าคนนี้กัน

ทำความรู้จักกับอเล็กซานเดอร์ อัลบอน       

                อเล็กซานเดอร์ อัลบอนเป็นนักแข่งรถลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เกิดที่กรุงลอนดอนปัจจุบันอายุ 22 ปี ซึ่งล่าสุดได้เข้าร่วมการแข่งขันรถ FIFA Formula 2 Championship ฤดูกาล 2018 และได้เซ็นต์สัญญากับ Toro Rosso สำหรับการแข่งขัน Formula One World Championship ฤดูกาล 2019 เรียบร้อยแล้ว

จุดเริ่มต้นของการเป็นนักแข่ง

จุดเริ่มต้นการแข่งรถของอัลบอนเกิดขึ้นตั้งแต่เขาอายุยังน้อยโดยเริ่มจากการเป็นนักแข่งรถโกคาร์ทตั้งแต่ปี 2006 – 2010 และถือเป็นนักแข่งที่ประสบความสำเร็จในรายการแข่งขันมากมาย ได้แก่ รายการ Super  Honda National Championship ตั้งแต่ปี 2006 -2009 มาจนถึงรายการ 2010 European Championship โดยได้รับการสนับสนุนจากพ่อซึ่งเคยเป็นอดีตนักแข่งรถเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นเขาก็ได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีม Red Bull Junior ในปี 2012 และได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นนักแข่งสำหรับฤดูกาล Eurocup Formula Renault 2.0 2012 และเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 38 จากทั้งหมด 49 คัน หลังจากนั้นในปี 2015 อัลบอนก็ได้ย้ายมาลงแข่งในสนามที่ใหญ่ขึ้นคือ European Formula 3 แล้วแสดงความสามารถเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 7 หลังจากนั้นอีก 1 ปีต่อมาอัลบอนก็ได้เซ็นต์สัญญากับ ART ในการแข่งขัน GT3 Series และได้แชมป์โดยเขาทำหน้าที่เป็นนักแข่งคนที่ 2 ของทีมและล่าสุดในปี 2018 เขาก็ได้เข้าร่วมการแข่งขัน FIFA Formula 2 Championship และเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 10 ซึ่งถือเป็นผลงานที่ไม่เลวสำหรับการเข้าร่วมแข่งขันเป็นปีแรก และได้ทำการเซ็นต์สัญญาเพื่อร่วมเป็นหนึ่งในนักแข่งของทีม Nissan edams สำหรับการแข่งขัน Formula E ฤดูกาล 2018-2019

การเซ็นต์สัญญาเพื่อร่วมแข่งรถสูตรหนึ่ง

                เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมาได้รับการยืนยันว่าอัลบอนได้รับการปล่อยตัวจากสัญญาของ Nissan edams ที่เซ็นต์ไว้และในวันเดียวกันนั้นเองเขาก็ได้เซ็นต์สัญญาเข้าร่วมทีมกับ Toro Rosso เพื่อลงแข่งขันในสนาม Formula 1 ฤดูกาล 2019 อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็นการกลับมาร่วมงานกับสปอนเซอร์หลักอย่าง Red Bull อีกครั้ง

การเซ็นต์สัญญาครั้งนี้ทำให้อเล็กซานเดอร์ อัลบอนถือเป็นนักแข่งสัญชาติไทยคนที่ 2 ที่สร้างประวัติศาสตร์การลงแข่งในสนามรถสูตร 1 ถือเป็นความภูมิใจของชาวไทยที่มีนักแข่งสามารถก้าวสู่ทัวร์นาเมนท์การแข่งรถระดับโลกได้ ใครเป็นแฟนมอเตอร์สปอร์ตก็อย่าลืมคอยเชียร์และเป็นกำลังใจให้กับอเล็กซานเดอร์ อัลบอน หนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษคนนี้กันด้วย