Michael Schumacher ตำนานนักแข่งแห่ง Formula 1

วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับราชานักแข่งรถสูตรหนึ่งหรือ Formula 1 ชาวเยอรมัน ผู้ที่เป็นนักแข่งในระดับตำนาน ที่นักพนันทั่วโลกรู้จักกันดี นั่นคือ “มิคาเอล ชูมัคเคอร์” (Michael Schumacher)

ชูมัคเกอร์ เคยเป็นนักแข่งรถที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกที่สร้างกำไรในการเดิมพันทุกรายการสูงมาก จุดเริ่มต้นในวัยเด็กของเขาคือการขับรถโกคาร์ทในสนามที่พ่อของเขาสร้างไว้ให้ในบ้านตั้งแต่อายุได้ 4 ขวบ การได้รับการสนับสนุนจากผู้เป็นพ่อ “โรลฟ์ ชูมัคเคอร์” ซึ่งเป็นผู้จัดการสนามแข่งรถคาร์ทท้องถิ่น ณ เมืองเคอร์เพน ประเทศเยอรมัน ทำให้เขาได้ร่วมการแข่งขันรถโกคาร์ทครั้งแรกตั้งแต่อายุ 12 ปี และยังสามารถชนะการแข่งขันทั้งในเยอรมนีและในทวีปยุโรปอีกหลายรายการ

จุดเริ่มต้นและไทม์ไลน์ของการเข้าสู่วงการแข่งรถ Formula 1 ของชูมัคเกอร์

ปี 1991 ชูมัคเคอร์ได้รับเลือกให้เข้าแข่งขันฟอร์มูลาวัน ในรายการ เบลเยียม กรังปรีซ์ แต่ยังเป็นตัวสำรองในทีมแข่งรถจอร์แดน รายการแรกของเขาก็ทำให้คนประหลาดใจด้วยการควอลิฟายได้เป็นอันดับ 7 ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่ดีเยี่ยมสำหรับรายการแรกของเขา

ต่อมาประมาณปี 1992 เขาได้ย้ายทีมไปอยู่กับ เบเนตอง ฟอร์ด จนในที่สุดเขาก็คว้าแชมป์เป็นรายการแรกของคือ รายการเบลเยียมกรังปรีซ์และยังได้รับรางวัลนักแข่งเป็นอันดับที่ 3 ของรายการ

ปี 1996 ชูมัคเคอร์ได้ย้ายค่ายอีกครั้งด้วยการจากทีมเบเนตอง เพื่อไปร่วมทีมเฟอร์รารี ทั้งที่ผู้คนต่างมองว่าเป็นความเสี่ยงต่ออาชีพนักแข่งของเขา เพราะทีมเฟอร์รารีไม่ได้แชมป์ในรายการ F1 มานานมากแล้ว แต่ชูมัคเคอร์ก็สามารถพาทีมเฟอร์รารีได้แชมป์โลกติดต่อกันตั้งแต่ปี 2000-2004

แต่แล้วทุกอย่างต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากชูมัคเคอร์ประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรงในระหว่างการแข่งกรังปรีซ์ที่ประเทศอังกฤษ เกิดจากรถของชูมัคเคอร์ได้ไถลออกนอกเส้นทางและเสียหลักพลิกคว่ำ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถเข้าแข่งในอีก 6 สนามที่เหลือของฤดูกาลได้และถูกพักรักษาตัวเป็นเวลานาน แม้ว่าชูมัคเคอร์จะสามารถกลับมาแข่งขัน F1 อีกครั้ง แต่เขาก็ได้ประกาศถอนตัว แขวนพวงมาลัยไปในปี 2006

ปี 2010 มิคาเอล ชูมัคเคอร์สร้างความประหลาดใจด้วยการหวนสู่วงการ F1 อีกครั้ง แต่เป็นการร่วมทีมกับเมอร์เซเดส กรังปรีซ์ และยุติชีวิตการเป็นนักแข่งอีกครั้งในปี 2012

อย่างไรก็ตาม ในชีวิตการเป็นนักแข่งรถสูตรหนึ่งของมิคาเอล ชูมัคเคอร์ เขาก็ได้สร้างตำนานให้กับวงการนักแข่งรถ ด้วยการครองแชมป์โลก ถึง 7 ครั้ง ชนะในรายการแข่ง Formula 1 ถึง 91 ครั้ง สามารถขึ้นไปยืนบนแท่นโพเดียมได้บ่อยถึง 155 ครั้ง ! และยังได้กลายเป็นบุคคลที่เป็นที่ชื่นชอบและเป็นแรงบันดาลใจให้กับบรรดานักแข่งรถรุ่นใหม่อีกหลาย ๆ คน

อุบัติเหตุจากสกีที่ไม่คาดฝัน ทำให้ราชานักแข่งรถกลับกลายเป็นเจ้าชายนิทรา

เดือนธันวาคม ปี 2013 ชูมัคเคอร์ได้ออกเดินทางไปเล่นสกี ซึ่งเป็นหนึ่งในกีฬาที่เขาชื่นชอบมาก ในพื้นที่เล่นสกี เมริเบล ประเทศฝรั่งเศส โดยชูมัคเคอร์เริ่มต้นที่ความสูง 2,700 เมตร ระหว่างที่เขาสกีลงมา ชูมัคเคอร์เกิดเสียหลัก ทำให้เขาพุ่งไปยังแอ่งที่มีหิมะตกใหม่และศีรษะกระแทกกับโขดหินทำให้หมวกนิรภัยที่สวมใส่ชำรุด จนเขาได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง ชูมัคเคอร์ได้รับการส่งตัวเพื่อรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน หลังการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น เขาได้รับการผ่าตัดสมองและอยู่ในอาการที่น่าเป็นห่วง

ข่าวการเกิดอุบัติเหตุของชูมัคเคอร์ได้แพร่กระจายไปสู่บรรดาแฟน ๆ นักพนัน และผู้คนทั่วโลก รวมถึงสื่อมวลชนต่าง ๆ ที่คอยทำข่าว แม้ว่าในปัจจุบันชูมัคเคอร์จะสามารถกลับมาพักฟื้นที่บ้านพักของตัวเองได้แล้ว แต่บรรดาแฟน ๆ ของเขาก็ยังเป็นห่วงและยังคอยติดตามเพื่อให้กำลังใจและหวังว่าอาการของเขาจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในเร็ววัน

คำศัพท์และสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในสนามแข่ง F1 ที่ควรรู้ ถ้าอยากดูให้สนุก

สำหรับสายรักความเร็วและแรงอย่างการแข่งขัน F1 ที่อาจจะเพิ่งเริ่มสนใจการแข่งขันเมื่อไม่นานมานี้ หรือบางทีแอบอยากไปชมการแข่งขันในสนามจริงสักครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะที่ประเทศไทยของเราก็มีสนามแข่งขันรถชิงแชมป์โลกอย่างรายการ F1 หรือ Formula 1 แล้วด้วยนะ แบบนี้จะให้พลาดได้ไง แต่ก่อนที่จะไปชมการแข่งขันที่เร้าใจ ผู้ชมอย่างเราควรรู้กฎ กติกา รวมถึงสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในสนามแข่งเพื่ออรรถรสในการชมไปด้วยน่าจะดีที่สุดเลยล่ะ

ศัพท์ในสนามแข่งฟอร์มูลาวัน ที่ไม่รู้ไม่ได้แล้ว

1.Formula 1 คือการแข่งขันรถยนต์สูตร 1 เรียกสั้น ๆ ว่า F1 แข่งด้วยความเร็วสูงถึง 360 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

2. Circuit คือสนามแข่งรถทางเรียบ โดยมีทั้งทางตรงและทางโค้ง สำหรับสนามแข่งที่รองรับการแข่ง F1 มีอยู่ทั่วโลกทั้งหมด 22 สนาม ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อตกลงการแข่งขันในแต่ละฤดูกาลว่าจะแข่งกี่สนาม

3. Track คือเส้นทางรถวิ่งในสนามแข่งขัน โดยจะมีทางเข้าและทางออกแทรค ซึ่งนักแข่งต้องจำให้ดี

4. Pit คือตำแหน่งหรือพื้นที่ของแต่ละทีม ใช้สำหรับปรับปรุง ซ่อมแซมรถ เช่น การเข้ามาเปลี่ยนยางของรถแข่งของทีมตัวเอง ทั้งก่อนแข่ง ระหว่างแข่งและหลังแข่ง

5. Pit Lane คือ เส้นทางที่รถแข่งใช้วิ่งเข้า – ออกระหว่างทางวิ่งในสนามและจุดซ่อมแซมรถ ในระหว่างการแข่งขัน ซึ่งจะถูกจำกัดความเร็วในระหว่างที่รถวิ่งอยู่ใน Pit Lane และจะเป็นทาง One Way เสมอ

6. Lap คือ รอบในการแข่งขันในแต่ละสนาม

7.Qualifying คือรอบการแข่งขันจับเวลาเพื่อนำมาจัดอันดับจุดสตาร์ทในสนาม ก่อนที่นักแข่งจะสตาร์ทในวันแข่งจริง

8.Race Day คือวันแข่งจริง โดย F1 จะแข่งในแต่ละสนามใช้เวลาสนามละ 3 วัน เพราะฉะนั้น Race Day ก็คือวันที่ 3 และต้องแข่งระยะทางรวมไม่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตร ปกติต้องใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงในการแข่งขัน

9. Pole Position คือ ตำแหน่งสตาร์ทแรก หรือตำแหน่งที่ 1 ของนักแข่งในวันแข่งขันจริง นั่นหมายถึงนักแข่งที่ได้สตาร์ทในตำแหน่ง Pole Position คือนักแข่งที่สามารถทำเวลาได้ดีที่สุดในการซ้อมและควอลิฟายในสนามใน 2 วันแรกนั่นเอง

10. Podium แท่นที่ใช้ยืนสำหรับผู้ชนะในสนามนั้น ๆ โดยผู้ชนะคือผู้ที่ทำเวลาดีที่สุดและมีคะแนนมากที่สุดจะได้ขึ้นไปรับถ้วยรางวัล

สัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่คนดูอย่างเราก็เข้าใจได้

นอกจากศัพท์พื้นฐานที่เราควรรู้ไว้แล้ว สัญลักษณ์หรือสัญญาณในสนามแข่ง F1 ก็สำคัญไม่น้อย ยิ่งกับนักแข่งเองยิ่งต้องทราบก่อนการแข่งขัน และแม้เราเองที่เป็นผู้ชมก็ควรเข้าใจด้วยก็ดีไม่น้อย จะได้รู้ว่าขณะชมเกมแข่งขันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างนั่นเอง

สัญลักษณ์ของธงในสนาม จะมีธงทั้งหมด 10 สี หรือ 10 แบบเพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้นักแข่งทราบ ซึ่งจะมีรายละเอียดดังนี้

ธงสีเหลือง ยกขึ้น ให้นักแข่งระมัดระวังและห้ามแซง

ธงสีเหลืองโบก แปลว่าอันตราย ให้เตรียมพร้อมในการหยุดรถและห้ามแซงเด็ดขาด และถ้าธงเหลืองโบกพร้อมป้าย SC แสดงว่าอันตรายมากที่สุด และมีรถ Safety Car นำขบวน ให้เตรียมหยุดและขับตาม Safety Car เท่านั้น

ธงสีเหลืองแถบแดง ถ้านักแข่งเห็นจะต้องระวังเพราะเป็นการเตือนว่ามีน้ำมันบนสนามแข่งให้หลบหลีก

ธงสีเขียวโบก แปลว่าพ้นข้อห้าม แข่งตามปกติ

ธงสีฟ้าโบก แสดงว่ามีรถแข่งที่มาเร็วกว่าตามมาใกล้มากและจะแซงได้ทุกเวลา

ธงสีขาว มีรถพยาบาลหรือรถช่วยเหลืออยู่ในสนามแข่ง

ธงสีดำครึ่งขาว ยกพร้อมหมายเลขนักแข่ง แปลว่ากำลังขับรถแบบไม่มีน้ำใจนักกีฬา จะถูกยกพร้อมหมายเลขเพื่อเป็นการเตือนก่อน

ธงสีดำ วงกลมสีส้ม ยกพร้อมหมายเลข แปลว่าตัวรถแข่งตามหมายเลขนั้นมีปัญหา กรรมการจึงเรียกเข้าพิทในรอบต่อไปนั่นเอง

ธงตราหมากรุก แสดงว่าจบการแข่งขันโดยสมบูรณ์ หรือ Chequer Flag

ธงสีแดง แปลว่าให้นักแข่งหยุดการแข่งขันโดยทันที

ธงสีดำ พร้อมหมายเลขรถ หมายถึงรถแข่งหมายเลขนั้น ๆ ออกจากการแข่งขัน

หวังว่าแฟน ๆ F1 จะรู้สึกสนุกมากขึ้นในการชมการแข่งประลองความเร็วในเกมครั้งหน้าไม่มากก็น้อย เอาเป็นว่าดูเพื่อความเพลิดเพลิน อันไหนที่จำไม่ได้แต่ถ้าดูบ่อย ๆ ก็จะเข้าใจได้ง่ายมากขึ้นแน่นอน

ข้อดีของการแข่งรถในสนามแข่งขัน

การแข่งรถซิ่ง ใครต่อใครก็คงมองว่ามันเป็นเรื่องที่สุดแสนจะอันตราย ทั้งนี้ก็เพราะว่าความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการแข่งรถของคนไทยยังน้อยมาก อีกทั้งการแข่งรถก็ไม่เป็นที่นิยมในไทยมากนัก ส่วนหนึ่งก็เพราะค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง คนที่จะเข้าถึงการแข่งรถในสนามแข่งได้ ส่วนมากก็จะต้องเป็นคนรวยเท่านั้น แต่หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจในกีฬาแข่งรถ วันนี้เราจะพามาดูข้อดีในสนามแข่ง ว่ามีอะไรกันบ้าง

1.ความปลอดภัยสูง

สิ่งแรกที่จัดได้ว่าเป็นข้อดีของการแข่งขันรถในสนามแข่งก็คือ ความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากสนามแข่งรถนั้นสร้างขึ้นเพื่อให้รถซิ่งต่าง ๆ มาแข่งกันอยู่แล้ว โครงสร้างถนน หรือแม้แต่องศาของโค้งก็ย่อมมีมาตรฐาน เหมาะสมกับการขับรถด้วยความเร็วสูงมากกว่าถนนธรรมดา

2.มือใหม่สามารถขับได้แบบสบาย ๆ

อย่างที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นว่าสนามแข่งขันรถนั้นจัดทำถนนเพื่อการแข่งขัน ดังนั้นมือใหม่จึงสามารถขับได้แบบสบายใจไร้กังวล นอกจากไม่ต้องคอยระวังเรื่องมาตรฐานของถนนแล้ว ยังไม่ต้องระวังรถอื่น ๆ แบบการขับขี่บนถนนทั่ว ๆ ไปอีกด้วย คุณสามารถขับขี่ได้ และหัดขับรถแข่งได้เท่าที่ใจต้องการอย่างไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง

3.มีสมาธิจดจ่อกับการขับขี่มากกว่าเดิม

หากไปขับบนถนนทั่วไป แน่นอนว่านักขับจะต้องใช้ความระแวดระวังกับรถคันอื่น ๆ ที่ขับตามปกติ นอกจากนี้ยังไม่ได้ฝึกทักษะเกี่ยวกับการขับรถแบบที่ตั้งใจอีกด้วย แตกต่างจากการขับในสนามที่หากได้ขับแล้วคุณจะเพลิดเพลินไปกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง และได้พัฒนาฝีมือให้มากขึ้นกว่าเดิม

4.ได้รู้จักนักซิ่งคนอื่น ๆ

สนามแข่งรถเหมือนเป็นแหล่งรวบรวมเอานักซิ่งไว้ด้วยกัน หากคุณได้ลองไปที่สนามสักครั้ง คุณจะได้รู้จักเพื่อนนักซิ่งมากมาย รวมถึงรู้จักนักซิ่งที่มีประสบการณ์ในการขับขี่ สามารถแนะนำเทคนิคการขับขี่ที่ดี ๆ ให้กับคุณได้ คุณจะมีเพื่อนเป็นก๊วนนักซิ่ง ที่ทำให้คุณไม่เบื่อหน่ายเวลามาซ้อมขับรถอีกต่อไป แตกต่างจากการหัดซิ่งคนเดียว ที่บางครั้งอาจจะมีความเบื่อหน่ายหรือท้อแท้บ้าง แต่หากว่ามีเพื่อน เพื่อนจะคอยฉุดดึงให้คุณมีกำลังใจซ้อมมากกว่าเดิม

5.ไม่ทำให้คนทั่วไปมองนักซิ่งในแง่ร้าย

ต้องบอกเลยว่าคนไทยส่วนใหญ่บางครั้งมักมองนักซิ่งในแง่ร้าย บางทีพาลมองว่าเป็นสายแว้น นั่นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีนักซิ่งบางส่วนนิยมซิ่งในถนนสาธารณะรบกวนการใช้รถใช้ถนนของคนทั่วไป การขับในสนามจะทำให้มุมมองของคนอื่น ๆ มองนักซิ่งในแง่ดีกว่าเดิม

หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากลองขับรถซิ่ง และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ไหนดี แนะนำว่าให้ลองไปที่สนามแข่งรถก่อนจะดีที่สุด การไปสัมผัสบรรยากาศการแข่งรถจะทำให้คุณตัดสินใจได้ว่าแท้จริงแล้วคุณชอบกีฬารถแข่งมากแค่ไหน ไม่แน่ว่าคุณอาจจะเป็นนักซิ่งมืออาชีพในอนาคตก็เป็นได้

4 ความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับรถแข่ง

รถแข่ง เป็นกีฬาที่หากจะพูดไปแล้ว คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักกันสักเท่าไรนัก เนื่องจากว่ารถแข่ง ไม่แพร่หลายในประเทศไทยเท่ากับต่างประเทศ เวลาเด็ก ๆ บอกกับผู้ปกครองว่าอยากลองแข่งรถ หรือขับรถซิ่งดูบ้าง น้อยคนที่จะสนับสนุน เพราะว่าเอาไปรวมกันกับพวกรถซิ่งหรือรถแว้นกวนเมืองนั่นเอง แต่วันนี้เราจาะพาคุณมาปรับความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวของรถแข่ง อ่านจบแล้วทัศนคติของคุณที่มีต่อรถแข่งจะเปลี่ยนไปแน่นอน

1.รถแข่งเป็นกีฬาอันตราย หลาย  ๆ คนเมื่อพูดถึงกีฬารถแข่งจะต้องนิ่วหน้าด้วยความหวาดเสียว ด้วยเชื่อว่าเป็นกีฬาที่สุดแสนจะอันตราย ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว กีฬาชนิดนี้ไม่ได้อันตรายอย่างที่ใครต่อใครคิด เพราะมีอุปกรณ์สำหรับการเสริมสร้างความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้สนามเองก็ยังถูกสร้างมาเพื่อรองรับการแข่งขันรถโดยเฉพาะ ตัวรถเองก็เช่นกัน มีการสร้างเพื่อปกป้องตัวนักแข่งรถไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรง เรียกได้ว่าเป็นกีฬาที่ปลอดภัย ตราบใดที่นักแข่งรถขับในสนาม แต่หากพูดถึงรถซิ่งและรถแว้นนั้นไม่ได้รวมอยู่ในกีฬารถแข่งเลยสักนิด

2.นักแข่งรถผู้หญิง เป็นความฝันที่ไกลเกินเอื้อม แม้มองเผิน ๆ กีฬารถแข่งเป็นกีฬาสำหรับผู้ชาย คนที่ชอบดูส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชาย แต่แท้ที่จริงแล้ว นักแข่งรถผู้หญิงที่โด่งดังในโลกก็มีหลายคน แต่ละคนก็สวยและเก่งแบบไม่มีใครยอมใคร อันที่จริงยุคนี้ก็หมดสมัยแล้วที่จะจำกัดว่าผู้ชายทำอาชีพอะไรได้ ผู้หญิงทำอาชีพอะไรได้ เพราะความเสมอภาคและความเท่าเทียมที่มากขึ้นนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดี หากใครอยากเป็นนักแข่งรถผู้หญิง แนะนำว่าให้ดูต้นแบบหรือไอดอลนักแข่งรถระดับโลกจะดีกว่า ไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้แรงบันดาลใจจากเธอก็เป็นได้

3.การแข่งรถมีประเภทเดียว นี่ก็เป็นความเข้าใจที่ผิด ใครที่คิดว่ารถแข่งมีประเภทเดียวต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ เพราะว่าการแข่งขันนั้นมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งที่ประเภทสนามอย่าง รถแข่งประเภททางตรง รถแข่งแบบเซอร์กิต รถแข่งแบบคอสคันทรีดาวฮิล รถแข่งแบบแกรนด์ทัวริ่ง ซึ่งรายละเอียดแต่ละประเภทก็ลงลึกขึ้นไปอีกที อยู่ที่ว่าคุณนั้นสนใจแบบไหนแล้วไปหาความรู้เพิ่มเติมจะดีที่สุด หากมีความรู้เพิ่มเติมจะทำให้ดูกีฬารถแข่งสนุกยิ่งขึ้น

4.การเดิมพันรถแข่งทำยาก เป็นอีกเรื่องที่หลาย ๆ คนมักจะเข้าใจผิด และไม่ค่อยอยากจะลงเดิมพันกับกีฬาชนิดนี้เท่าไร ซึ่งจริง ๆ แล้วการวางเดิมพันนั้นทำง่ายมาก แถมยังยืดหยุ่นแบบสุด ๆ เพราะเวลาในการแข่งขันที่มากกว่า มีทั้งรอบควอลิฟายและการแข่งจริง อีกทั้งกว่าจะได้แชมป์ยังต้องแข่งขันกันในหลายสนาม ซึ่งทำให้คุณสามารถเลือกวางเดิมพันและแก้มือได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

และนี่ก็คือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการแข่งรถที่หลาย ๆ คนควรปรับความเข้าใจเสียใหม่ การแข่งรถ ถือเป็นกีฬาที่สร้างสรรค์มาก และยังทำให้คนเล่นเกิดสมาธิ คนดูลุ้นระทึกไปกับเกม สิ่งเหล่านี้เป็นเสน่ห์ที่ยากจะมองข้ามสำหรับกีฬารถแข่ง แม้หลาย ๆ คนจะมองว่าเป็นกีฬาอันตราย แต่หากเล่นด้วยสติและความระมัดระวังก็ไม่เกิดปัญหานั้นอย่างแน่นอน กีฬาประเภทใดก็ตาม หากรู้จักเล่นอย่างมีสติ เล่นแบบพอประมาณ เชื่อได้เลยว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวผู้เล่นอย่างแน่นอน