MotoGP คือรายการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก ที่มีมายาวนานเริ่มตั้งแต่ปี 1949 ที่ถือเป็นฤดูกาลแรก โดยชื่อว่ารายการ World Champion Motorcycles Grand Prix และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นรายการ MotoGP ในปี 2002 หากเปรียบเทียบความยิ่งใหญ่ของการประลองความเร็ว MotoGP ก็นับเป็นรายการใหญ่ที่สุดเช่นเดียวกับรายการ F1 ของการแข่งรถยนต์ชิงแชมป์โลก โดยมีเหล่านักพนันทั่วโลกให้ความสนใจร่วมเดิมพันมากมาย
ในปี 2018 ที่ผ่านมาประเทศไทยของเรายังได้รับการบรรจุเป็นหนึ่งในสนามแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกนี้อีกด้วย โดยเป็นสนามที่ 15 ของรายการ MotoGP จึงทำให้แฟนกีฬาที่รักความเร็วได้ให้ความสนใจต่อการแข่งขันระดับโลกนี้กว้างขวางมากขึ้น จึงขอนำเสนอกฎ กติกาพื้นฐานของการแข่งขัน เพื่อให้คนที่เพิ่งเริ่มสนใจ MotoGP ได้รับอรรถรสในการรับชมการแข่งขันมากขึ้นตามไปด้วย
ประเภทการแข่งขันและกติกาพื้นฐานของ MotoGP มีอะไรบ้างที่เราต้องรู้
การแข่งขัน MotoGP ในแต่ละฤดูกาลเดิมจะทำการแข่งขันทั้งหมด 18 สนามเพื่อทำการเก็บคะแนน โดยในฤดูกาลปี 2018-2019 ได้มีการเพิ่มขึ้นมาอีก 1 สนามนั่นก็คือ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ที่ประเทศไทยของเรานั่นเอง จึงรวมเป็นทั้งหมด 19 สนาม การเปิดฤดูกาลจะเริ่มต้นประมาณเดือนมีนาคม และปิดฤดูกาลช่วงเดือนพฤศจิกายน
การแข่ง MotoGP แต่ละสนาม จะใช้เวลาแข่งทั้งหมด 3 วัน โดยจะแบ่งดังนี้
วันที่ 1 Practice Day ขี่ FP1 และ FP2 นั่นคือ Free Practice หรือการซ้อมโดยการขี่ FP1 และ FP2 ใช้เวลา 45 นาที ทำการจับเวลา
วันที่ 2 Qualifying Day ขี่ FP3, FP4 และ Q1, Q2 โดยวันที่ 2 จะแบ่งเป็น 2 ช่วง
-เริ่มจากช่วงแรก การขี่ FP3 จะทำการจับเวลา 45 นาที ซึ่งการขี่ FP1-FP3 ตั้งแต่วันที่ 1-วันที่ 2 จะมีการเลือกเวลาที่ดีที่สุดของนักแข่งแต่ละคน ซึ่งนักแข่ง 10 อันดับแรกที่ทำเวลาดีที่สุดจะผ่านเข้าสู่รอบ Q2 หรือ Qualifying Q2 ส่วนนักแข่งที่เหลือตั้งแต่ลำดับที่ 11 เป็นต้นไปจะเข้าสู่รอบ Qualify Q1
-ช่วงที่ 2 การซ้อม หรือ Free Practice 4 จะใช้เวลา 30 นาที แต่ไม่จับเวลา ถือเป็นแค่การซ้อมและปรับเซ็ตรถก่อนรอบ Qualifying Q1 และ Q2 ซึ่งรอบ Qualifying Q1 ใช้เวลา 15 นาที สำหรับการจัดลำดับกริดสตาร์ทตั้งแต่ลำดับที่ 13 เป็นต้นไป
-ส่วน Qualifying Q2 ใช้เวลา 15 นาทีเช่นกัน ใช้สำหรับการจัดลำดับกริดสตาร์ทของนักแข่งตั้งแต่ลำดับที่ 1-12 (นำนักแข่ง 10 อันดับแรกที่สามารถทำเวลาดีที่สุดจากการซ้อม FP 3 รอบแรก และนักแข่ง 2 ลำดับแรกจากรอบ Q1 มาแข่งเพื่อจัดอันดับสตาร์ทลำดับที่ 1-12 นั่นเอง)
วันที่ 3 Race Day แบ่งเป็น 2 ช่วงคือการขี่ WUP และ RAC
-WUP คือ Warm up หรือการอุ่นเครื่องและเป็นการปรับเซ็ตรถครั้งสุดท้ายก่อนการแข่งขัน
-Race คือช่วงที่เข้าสู่การแข่งขันจริง โดยนักแข่งจะขี่เพื่อวอร์มอัพก่อน 1 รอบโดยหากในรอบวอร์มอัพ รถของนักแข่งเกิดปัญหา เช่น ต้องเปลี่ยนรถ นักแข่งสามารถขับรถเข้าพิท (Pit ) ได้เลย แต่ตอนที่ออกสตาร์ทในตอนแข่งจริงจะต้องออกสตาร์ทจากพิทเลน (Pit Lane) เท่านั้น
การเก็บคะแนนของแต่ละสนาม การให้คะแนนของลำดับที่ 1 – 5 คือ 25, 20, 16, 13 และ 11 คะแนน ตามลำดับ ตั้งแต่ลำดับที่ 6 ได้ 10 คะแนน และลดหลั่นไปลำดับละ 1 คะแนนจนถึงอันดับสุดท้ายคืออันดับที่ 15 คือได้ 1 คะแนน ส่วนนักแข่งที่ต่ำกว่าลำดับที่ 15 จะไม่ได้คะแนน
การลงโทษนักแข่ง หากทำผิดกติกา จะใช้ระบบสะสมคะแนนความประพฤติในสนามแข่ง เช่น การขับขี่ที่หวาดเสียว พฤติกรรมก้าวร้าวในสนาม เป็นต้น แบ่งเป็นการลงโทษ 3 ระดับได้แก่
-ระดับที่ 1 คะแนนความประพฤติถึง 4 คะแนน จะถูกลงโทษให้นักแข่งออกสตาร์ทแถวหลังสุด
-ระดับที่ 2 สะสมครบ 7 คะแนน จะได้ออกสตาร์ทจาก Pit Lane ซึ่งมีการจำกัดความเร็วที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
-ระดับที่ 3 ครบ 10 คะแนนจะได้รับโทษด้วยการถูกสั่งห้ามแข่งขันในสนามต่อไปในทันที
ทั้งหมดนี้เป็นกติกาและสิ่งที่ควรรู้พื้นฐานในการดูรายการแข่งขัน MotoGP แบบคร่าว ๆ รู้แล้วรับรองว่าจะทำให้แฟน ๆ สายนักซิ่งที่พร้อมจะร่วมเชียร์นักแข่งระดับโลก ได้ลุ้นและเข้าถึงอารมณ์การแข่งขันได้ดีมากขึ้นอย่างแน่นอน