FORMULA E ความเร้าใจในสไตล์รักษ์โลก

การแข่งขันฟอร์มูล่า อี ถูกจัดขึ้นอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2014 โดยสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) เป็นสหพันธ์เดียวกับที่ดูแลการแข่งฟอร์มูล่า 1 โดยส่วนใหญ่จะจัดขึ้นในรูปแบบสตรีทเซอร์กิต หรือการแข่งบนถนนในเมือง เพราะมีเสียงรบกวนน้อยและไม่ก่อมลพิษ เพราะเครื่องยนต์ของฟอร์มูล่า อี ไม่มีการสันดาปให้เกิดไอเสีย มันขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งในปัจจุบันบริษัทรถยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ เล็งเห็นความสำคัญที่จะพัฒนาเทคโนโลยีรถ EV เพื่อเป้าหมายการถ่ายทอดเทคโนโลยีลงมาสู่รถ EV ที่นำออกมาขายในตลาดรถทั่วไปในอนาคต

ประสิทธิภาพเทียบเท่า F1

หัวใจของรถพลังงานไฟฟ้า คือ ไม่ต้องเติมน้ำมัน ซึ่งความสำคัญของเครื่องยนต์ฟอร์มูล่า อี ก็คือแบตเตอร์รี่ ซึ่งแบตเตอร์รี่รุ่นล่าสุดมีขนาด 54 kWh ให้พลังงาน 54 กิโลวัตในหนึ่งชั่วโมง ซึ่งจะให้พลังงานไปปั่นมอเตอร์ไฟฟ้าส่งพลังไปสู่ล้อได้ถึง 250 กิโลวัตต์ เทียบเท่ากับรถ 270 แรงม้าเลยทีเดียว จึงไม่ต้องห่วงว่าเวลาดูการแข่งฟอร์มูล่า อี จะได้อรรถรส เหมือนดูรถแข่งประเภทใช้น้ำมันหรือไม่ เพราะความเร็วก็ไม่ต่างกัน

บริษัทต่าง ๆ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากการวิเคราะห์ของ Bloomberg ประเมินว่า ในปี 2040 ยอดขายรถ EV จะแซงหน้ารถเครื่องยนต์สันดาปเป็นครั้งแรก นั่นหมายความว่า 20 ปีต่อจากนี้จะมีการพัฒนาประสิทธิภาพเครื่องยนต์ EV ไปอย่างต่อเนื่อง และทุกประเทศก็เริ่มที่จะสนับสนุนรถ EV ให้มาแทนรถที่ใช้น้ำมันมากขึ้นเรื่อย ๆ และสนามการแข่งขัน ฟอร์มูล่า อี นี่แหล่ะที่จะเป็นแหล่งทดสอบความก้าวหน้าของเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ไฟฟ้า เพื่อส่งต่อไปยังรถ EV ที่ผลิตขาย ในอนาคตเครื่องยนต์ EV จะแรงขึ้น วิ่งได้นานขึ้น ใช้เวลาในการชาร์ตไฟน้อยลง แบตเตอร์รี่มีอายุการใช้งานที่นานขึ้นและราคาถูกลง ดูเหมือนว่าจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่สำหรับรถ EV และรถเครื่องยนต์สันดาปจะถูกลดความสำคัญลงไปเรื่อย ๆ จนมีการกลัวกันว่า ต่อไปการแข่งรถฟอร์มูล่า 1 จะยังมีที่ทางของตัวเองอยู่หรือไม่

หากลองไล่ดูบรรดาค่ายรถที่ส่งรถลงแข่งขัน ฟอร์มูล่า อี จะเห็นว่ามีค่ายรถหลักของโลกแทบทั้งสิ้น เช่น ออดี้ อดีตเจ้ามอเตอร์สปอร์ตสายเอ็นดูรานซ์ ที่ประกาศยกเลิกพัฒนารถในการแข่ง เอนดูรานชิงแชมป์โลกลงมาพัฒนารถแข่งฟอร์มูล่า อี อย่างเต็มตัว และยังมีรถยี่ห้อดังอีกมากมาย ทั้งเมอร์เซเดส บีเอ็มดับเบิ้ลยู นิสสัน พอร์เชอ รวมถึงจากัวส์ ซึ่งทุกค่ายมีรถ EV ของตัวเอง และยังมีแนวโน้มว่ารถยนต์เจ้าอื่น ๆ จะทยอยลงมาสู้ศึกในรายการนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

ไม่ใช่แค่ฟอร์มูล่า โมโต จีพี ก็มา

ไม่ใช่แค่รถ 4 ล้อที่ขยับเรื่องเครื่องยนต์ EV รถสองล้ออย่างโมโตจีพี ก็เริ่มขยับตัวไปบ้างแล้ว โดยดอร์น่า สปอร์ต ผู้ถือลิขสิทธิ์ โมโตจีพี ได้เปิดตัวการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าชิงแชมป์โลกภายใต้ชื่อ ไอเอฟเอ็ม โมโต อี เวิลด์คัพ โดยจะถูกบรรจุอยู่ในการแข่งโมโตจีพีบางสนาม เราจะได้เห็นเทคโนโลยีมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าลงมาอวดความแรงกันแน่นอน มันอาจถึงเวลาแล้วที่อนาคตกำลังจะเปลี่ยนทุกอย่างไปสู่ยุค EV ในอีกไม่นาน

รถจะแรงได้ต้องเกียร์แมนนวลเท่านั้นเหรอ

สังเกตเวลาดูหนังที่มีรถแรง จะฟาส 9 หรือป๊าด 8 สังเกตุว่าเวลาดวลความเร็วหรือเร่งแซงเราจะเห็นพี่พี่เค้าสับคันเกียร์อย่างแรง กระทืบคลัทช์อย่างกับมันเคยฆ่าพ่อเรา แล้วรถก็จะพุ่งทะยานไปอย่างกับจรวด ดูไปก็พลางสงสัยไปว่ารถล้ำขนาดนั้นไม่มี่เกียร์ออโต้เหรอ หรือตังน้อยพี่ดอมเลยไม่ซื้อตัวท็อป ซื้อตัวล่างสุดแล้วกระจกหมุนมือด้วยรึเปล่า หรือว่าเกียร์ออโต้มันไม่แรง แล้วในสนามแข่งทำไมเวลาดูถ่ายทอดสดไม่เคยเห็นชูมัคเกอร์สับเกียร์เลย ว่าแล้วมาลองตามอ่านข้อมูลที่เรานำมาเสนอให้คลายความสงสัยกันดีกว่า

แยกประเภทเกียร์กันก่อน

“ระบบเกียร์” ไม่ว่ารถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์คือระบบส่งกำลังจากเครื่องยนต์ลงไปที่ล้อผ่านระบบเฟืองขนาดต่าง ๆ เพื่อให้แรงบิดสัมพันธ์กับความเร็วและแรงต้านของรถ ตั้งแต่แรกเริ่มระบบเกียร์ก็เป็นแบบที่เรียกกันง่าย ๆ ว่าแมนนวล คือเหยียบคลัทช์เพื่อให้เฟืองยกและปล่อยคลัทช์ให้เฟืองเข้าขบในเกียร์ที่เราต้องการ ผู้ขับต้องมีการฝึกฝนเพื่อเข้าใจในการเปลี่ยนเกียร์แต่ละครั้ง ส่วนเกียร์ออโต้คือการสั่งการเปลี่ยนเกียร์ด้วยระบบสมองกล กล่าวคือผู้ขับไม่ต้องทำอะไรใช้เท้าขวาเหยียบคันเร่งส่วนเท้าซ้ายจะเอามาก่ายหน้าผากยามต้องหาเงินผ่อนรถก็ได้ไม่ว่ากัน

มันจึงมีความแตกต่างกันระหว่างการทำงานของสมองคนและสมองกล ขาซิ่งทั้งหลายจึงพารู้สึกว่าสมองกลหรือจะมาสู้สมองคน จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ของเกียร์ออโต้มันไม่ทันใจโจ๋ มันไม่ยอมลากรอบสูง ๆ เพื่อดันพลังเครื่องยนต์ให้ปั่นรอบสูงแล้วปล่อยคลัทช์ระเบิดพลังลงไปที่ล้อแบบสะใจโจ๋ รถมันไม่กระชากไม่เร้าอารมณ์

ก็ว่ากันไปตามรสนิยมของแต่ละคน แต่ใช่ว่ารถเกียร์ออโต้จะไม่แรง เพราะเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้นมาเพื่อสนองอารมณ์มนุษย์กันทั้งนั้น ระบบเกียร์ออโต้ก็เช่นกัน มันถูกปรับแต่งให้สามรถลากรอบหรือกระชากรอบแรง ๆ ได้ยามกดคันเร่งได้ไม่แพ้เท้าคน หรือในรถแข่งระดับเอฟวันที่เราไม่เห็นว่ามีการสับเกียร์ มันก็ไม่ใช่เกียร์ออโต้ซะทีเดียว มันยังมีสิ่งที่เรียกว่า เซมิ ออโต้ หลักการของมันก็คือตัดการเสียเวลาในการเหยียบคลัทช์ออกไป โดยใช้ระบบอัตโนมัติในการยกเฟืองเปลี่ยนเกียร์นั่นเอง โดยทันทีที่นักขับสะกิดคันโยกที่อยู่หลังพวงมาลัยโดยใช้แค่นิ้วเดียวเพื่อเปลี่ยนเกียร์ ระบบคลัทช์ก็ทำงานอัตโนมัติเร็วกว่าเท้าคนเหยียบคลัทช์ได้ในระดับเสี้ยววินาที ดังนั้นระบบเกียร์ต่าง ๆ ก็ไม่ได้ต่างกันมากทำงานคล้ายกันนั่นแหล่ะ เพียงแต่มันตอบสนองไปตามรูปแบบการใช้งาน ถ้ารถซื้อแกงจะลากรอบแรงไปทำไม หรือก็ใช่ว่าเกียร์ออโต้จะแซงเกียร์แมนนวลไม่ได้ ทุกอย่างมันก็อยู่ที่คนใช้ทั้งนั้นว่าต้องการอะไร

แล้วทำไมพี่ดอมต้องสับเกียร์ตลอด                

ก็อย่างว่า ในภาพยนตร์ความมันในอารมณ์เป็นส่วนสำคัญ ถ้าในระหว่างดวลความเร็วพี่ดอมใช้แค่เท่าขวาเหยียบคันเร่งแล้วเท่าซ้ายแคะขี้มูกมันก็คงไม่เท่ มันต้องมีการสับ การเหยียบ การดึงเบรกเพื่อให้รู้ว่าพี่ดอมขับรถแรงอยู่นะ ยังไงก็หนังทำให้ดูก็ดูไปเถอะ แค่รู้ไว้ว่าจะเกียร์อะไรก็แรงได้เหมือนกันนั่นแหล่ะ

รถซิ่งบนถนน กับรถซิ่งในสนามแข่ง ดวลกันใครชนะ

หลายครั้งก็เกิดคำถามเวลาอยู่บนถนนเวลาเห็นรถหลายคันที่แต่งซิ่ง เสียงท่อดัง เวลาไฟเขียวก็ออกตัวซะแรงจนนึกว่าพี่คิดว่าแข่งควอเตอร์ไมล์รึเปล่า หรือบางทีมองกระจกหลังเห็นพวกมากันเป็นแก๊งปาดซ้ายปาดขวาจี้ตูดกันมาติด พาเราเครียดว่าจะหลบไปทางไหนดี เกิดมันมุดมาไม่พ้นซัดท้ายเราขึ้นมาก็อดกลับไปเห็นหน้าลูกหน้าเมียกันพอดี ครั้งจะเปิดกระจกออกไปสรรเสริญวีรกรรมพวกพี่ ๆ เค้าก็กลัวจะไม่เข้าใจว่าเราชื่นชม พลางโกรธเกลียดมาทุบกระจกทักทายเราต้องบาทาอีก จึงได้แต่นั่งสงสัยอยู่คนเดียวว่าถ้าพวกพี่แรงนัก ทำไมไม่ไปสนามแข่งล่ะ ได้แชมป์โลกมารวยไม่รู้เรื่องเลยนะ

ถนนกับสนามแข่ง ทักษะที่ต่างกัน

ก็ต้องเข้าใจล่ะว่าอย่างหนึ่งที่นักซิ่งบนถนนไม่ยอมไปซิ่งในสนามก็เพราะหมดตังไปกับการแต่งรถ ใครจะไปมีตังลงแข่งในสนามที่ต้องมีกฎระเบียบ ค่าใช้จ่ายเรื่องความปลอดภัย ชุด หมวกกันน็อคที่ได้มาตรฐาน ทีมช่างที่เก่งกาจ และอะไหล่ที่พร้อมตลอดเวลา แถมรถทีแข่งในสนามต้องแต่งให้เบาที่สุด แอร์ก็ไม่มี เครื่องเสียงก็เลิกคิดได้เลย ไหนจะต้องมีที่นั่งเดียวแล้วจะมีสาวมานั่งข้างได้ยังไง แค่นี้ก็ไม่มีใครอยากไปลงสนามแล้ว

เอาล่ะ ถ้าลองตัดตัวแปรพวกนั้นออก มาดูสิว่าฝีมือเพียว ๆ ขาซิ่งบนถนนจะเอาตัวรอดบนสนามแข่งได้ไหม เพราะบนถนนกดคันเร่งอย่างเดียวปาดซ้ายปาดขวาได้เต็มที่ไม่มีใครอยากขวางพี่หรอก เพราะเพื่อนร่วมทางต่างอยากกลับบ้านไปเจอหน้าลูกเมียทั้งนั้น พี่อยากไปก็ไปไอ้เราก็ต้องนั่งตัวเกร็งจับพวงมาลัยให้แน่นกลั้นหายใจรอพวกพี่ไปให้พ้น ๆ ก่อนดีที่สุด แต่ในสนามไม่เหมือนกัน เสือ สิง กระทิง แรดที่รอพี่อยู่มีเป้าหมายเดียวกันคือเข้าเส้นชัยได้ก่อน ดังนั้นแรงอย่างเดียวไม่พอ เพราะพี่จะต้องโดนทั้งการบังไลน์ เบียดเลนนอกเลนในไม่ให้แซงอยู่ตลอดเวลา มุดไม่ดีเจอตัดหน้าพี่ตกใจก็ไถลกลิ้งออกนอกสนามได้เหมือนกัน ทักษะแมว ๆ อย่างพี่ก็คงได้แต่ตามก้นคนอื่นแน่นอน และในสนามไม่ใช่แค่จากแยกนี้ไปถึงแยกหน้า บางสนามแข่งเป็นสิบรอบต้องตั้งสมาธิเป็นชั่วโมงไม่วอกแวก ต้องฝึกฝนกันมาเป็นปีกว่าจะเอาตัวรอดได้ บางสนามอย่างเลอมังส์ 24 ขับ 24 ชั่วโมง แค่กระดกเครื่องดื่มชูกำลังเอาไม่อยู่แน่นอน แค่นี้ก็พอจะอนุมานได้ว่าขาซิ่งในสนามถ้าไม่ได้มีการฝึกฝนอย่างมุ่งมั่นก็คงเอาตัวไม่รอดในสนาม ดังนั้นเราจึงเห็นนักแข่งนอกสนามลงมาสร้างความเดือดร้อนให้กับเรา ๆ บนถนนอยู่ร่ำไป

ซิ่งไม่ว่าอย่าพาคนอื่นไปตาย                

ดังนั้นการซิ่งบนถนนมันก็ขึ้นอยู่จิตสำนึกของแต่ละคน อยากจะแรงโชว์สาวก็ไม่ว่า แต่ก็ควรจะเอาแต่พอดี แต่งรถให้สวย มีเครื่องแรงเสียงดัง ๆ ก็เท่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำตัวเสี่ยงด้วยการแข่งกันเอาเป็นเอาตายให้เพื่อนร่วมทางต้องเสี่ยงตายไปด้วย

สวมเรสซิ่งสูทขับบิ๊กไบค์บนถนน มีเหตุผลอะไรนอกจากความเท่

เวลาขับรถบนถนนแล้วเห็นว่าบางคนที่ขับบิ๊กไบค์ผ่านไปมา แล้วใส่เรสซิ่งสูทเต็มยศ คุณผู้ชายอย่างเรา ๆ บางคนคงรู้สึกหมั่นไส้ปนอิจฉากันบ้าง ว่ามันเว่อไปป่าวนี่ถนนหลวงไม่ได้เป็นสนามแข่ง บนถนนจะใส่ทำไม อันนี้ก็คงต้องตอบว่าอย่าไปอิจฉาเขาเลย เขาไม่ได้เว่อหรอก แค่รักความแรงและกลัวตาย

ความแรงที่ยากจะต้านทาง

รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์บนถนนที่เราเห็นกัน บางคันถอดแบบมาจากรถในสนามแข่งเลย ความแรงระดับพันซีซี คิดเอาแล้วกันว่าพันซีซีนี่ขนาดเครื่องระดังรถเก๋งอีโค่คาร์รุ่นใหม่ ๆ บนถนนเลยนะ แต่มันแบกน้ำหนักแค่ร้อยกว่ากิโลกรัมเท่านั้นเอง ในขณะที่รถเก๋งแบกน้ำหนักเป็นตัน ด้วยแรงเท่ากันแต่เบากว่ามาก ๆ มันจะไปได้แรงขนาดไหน บางคันทำความเร็วจากศูนย์ถึงร้อยได้ในเวลาแค่สามวิ แรงขนาดนั้นชนขึ้นมาที ไม่ต้องสืบเลยว่ารอดไหม

เมื่อมองไปที่กฎทางฟิสิกส์ว่าแอคชั่นเท่ากับรีแอคชั่น สมมุติระดับความเร็วที่สามร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วเกิดการชนอย่างจัง แรง G ที่กระทบร่างกายสามารถทำให้เนื้อเยื่อฉีกขาดกระจุยได้ในทันที ดังนั้นเราจึงเห็นว่าในสนามแข่งนักขับใส่ทั้งชุดที่ทนแรงเสียดทานระหว่างการไถลไปบนพื้นได้อย่างดี ไม่มีฉีกขาดปกป้องนักขับได้ระดับที่ปลอดภัย และในสนามยังมีระบบกันสะเทือนข้างสนามทั้งกรวดหรือหญ้าที่ผ่อนแรง หรือเบาะที่อยู่ตามทางโค้งที่นุ่มพอจะทำให้นักขับปลอดภัยเมื่อเกิดการกระแทก

แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังได้เห็นข่าวการบาดเจ็บและเสียชีวิตในสนามแข่งอยู่บ่อย ๆ แล้วจะนับประสาอะไรกับนักบิดบนถนน แม้ชุดและหมวกกันน็อคราคาแพงเป็นแสน ๆ อาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากหากเกิดการชนอย่างกระชั้นในความเร็วที่สูง ๆ แต่อาจจะผ่อนหนักเป็นเบา จากตายอาจเหลือแค่พิการ และการชนที่ไม่แรงเท่าไหร่นักขับก็จะปลอดภัย เพราะการขับมอเตอร์ไซค์ ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ในพริบตา การตัดสินใจต้องถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ การป้องกันอย่างเต็มที่จึงดีกว่าการไม่ป้องกันอะไรเลย เราคงไปห้ามผู้ชื่นชอบความเร็วในการบิดมอเตอร์ไซค์ให้เลิกเอาตัวเองไปเสี่ยงไม่ได้ แต่อย่างน้อยนักขับทุกคนต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเองและครอบครับ รถคันเป็นแสนเป็นล้านหากจะเพิ่มการแต่งตัวที่อาจจะดูเว่อและแพงระยับ มันก็คุ้มกับการแลกด้วยชีวิต

ชีวิตตัวเอง เลือกเอง เพื่อตัวเอง

ชุดเรสซิ่งสูทเองก็มีหลายระดับหลายราคาตามแต่ที่นักขับจะเลือกใช้ แต่เวลาเราเห็นนักขับบนถนนใส่เรสซิ่งสูทบนถนน เราอาจจะหมั่นไส้ก็จริง แต่อย่างน้อยคนคนนั้นก็เลือกที่จะดูแลตัวเองมากกว่าแคร์สายตาคนอื่น ทั้งนี้ทั้งนั้นความปลอดภัยบนถนนต่อผู้อื่นก็สำคัญ อยากเท่ก็เท่ที่ชุดเท่ที่รถ ดีกว่าไปเท่ที่การแบนโค้งแล้วกลิ้งไปชนเสาตัวขาด

“วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์” นักแข่งไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ GT World Challenge Asia

Blancpain GT World Challenge Asia ถือเป็นรายการแข่งขันรถซูเปอร์คาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอเชีย โดยผู้ชนะจะได้สิทธิเข้าแข่งขันในรายการ FIA GT World Cup ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมาจะมีนักแข่งรถชาวไทยเข้าร่วมประลองความเร็วในทุกรุ่นการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น GT3 Silver, GT3 Pro-Am, GT3 Am และ GT4 แต่ไม่เคยมีใครเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์สักครั้งเดียว จนกระทั้ง “วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์” จากทีม Panther/AAS Motorsport คว้าแชมป์ในรุ่น GT3 Pro-Am ได้สำเร็จในปี 2019

วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ ถือเป็นนักแข่งรถที่มากประสบการณ์ กวาดรางวัลมาแล้วมากมายทั้งระดับประเทศและนานาชาติ โดยคลุกคลีกับวงการมอเตอร์สปอร์ตมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี จากการเป็นบุตรชายคนโตของเจ้าสัวอนุศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด บริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่และเบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย แม้ในปัจจุบันจะดำรงตำแหน่งประธานบริหารบริษัท แต่เขาก็ยังไม่ทิ้งอาชีพนักแข่ง โดยเป็นผู้ก่อตั้งทีม ASS Motorsport และยังเป็นนักแข่งประจำทีมอีกด้วย

วุฒิกรเคยเข้าร่วมการแข่งขัน Blancpain GT World Challenge Asia ในรุ่น GT3 Pro-Am  มาแล้วเมื่อปี 2017 ในนามทีม est cola Thailand โดยขับ Porsche911 GT3 R ลงแข่งขันไปเพียง 2 สนาม ในสนามที่ 3 และ 4 ของรายการ ซึ่งจัดขึ้นที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เก็บได้ 3 แต้ม จากการจบในอันดับที่ 9 และอันดับที่ 10 ตามลำดับ

ภายหลังก่อตั้งทีม ASS Motorsport วุฒิกรเข้าร่วมการแข่งขัน Blancpain GT World Challenge Asia อีกครั้งในปี 2019 ซึ่งได้ Alexandre Imperatori นักแข่งรถชาวสวิสมาเป็นทีมเมท โดยเลือกใช้ Porsche911 GT3 R เหมือนเดิม และตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันครบทั้ง 12 สนาม ก่อนจะซิ่งปอร์เช่คู่ใจเข้าเส้นชัยเป็นคันแรกในรุ่น GT3 Pro-Am  ถึง 5 สนาม จากสนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย, สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศไทย, สนามฟูจิ สปีดเวย์ ประเทศญี่ปุ่น, สนามเกาหลี อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศเกาหลีใต้ และสนามเซี่ยงไฮ้ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศจีน โดยทำคะแนนได้เป็นอันดับ 1 ในรุ่น GT3 Pro-Am คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ แถมยังทำคะแนนรวมได้ถึง 141 คะแนน รั้งอันดับ 2 Overall  ตามหลัง Roelof Bruins นักแข่งชาวดัตช์ที่เลือกใช้ Mercedes-AMG GT3 และคว้าแชมป์ GT3 Silver ไปครอง เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮากระฉ่อนไปทั่วในเว็บ VWIN เลยทีเดียว

การคว้าแชมป์ของวุฒิกรครั้งนี้ ทำให้เขาได้รับเลือกให้เข้าแข่งขันรายการ FIA Motorsport Games GT Cup ในนามทีมชาติไทย ร่วมกับทีมชาติจากทั่วโลกอีก 21 ประเทศ ณ สนาม ACI Vallelunga Circuit ประเทศอิตาลี โดยครั้งนี้ได้ กันตธีร์ กุศิริ เป็นทีมเมท พร้อมด้วย Porsche911 GT3 R คันเดิม ทั้งคู่ช่วยกันขับปอร์เช่คู่ใจทำคะแนนในรอบจัดอันดับจนได้ลำดับการปล่อยตัวเป็นที่ 6 ในรอบ Main Race ซึ่งในการแข่งขันรอบตัดสินช่วงแรก ทีมชาติไทยสามารถเร่งเครื่องจนขึ้นไปอยู่ในอับดับ 1 แต่ด้วยสภาพอากาศที่มีฝนตกอย่างหนักและความไม่คุ้นเคยกับสนาม ทำให้พวกเขาหลุดจากแทร็กในช่วงโค้งที่ 4  จนต้องออกจากการแข่งขันไปก่อนจะเข้าเส้นชัย

ปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นผู้นำการจัดการแข่งขันรถยนต์ของอาเซียน โดยมีการแข่งขัน Thailand Super Series ซึ่งจัดขึ้นประจำทุกปีเป็นกำลังสำคัญในการสร้างนักแข่งรถยนต์รุ่นใหม่ ความสำเร็จของวุฒิกรถือเป็นอีกก้าวสำคัญของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยในเวทีระดับโลก นับเป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้แก่นักแข่งรุ่นน้องที่จะช่วยผลักดันให้พวกเขาก้าวขึ้นมาประสบความสำคัญระดับโลกในอนาคต

NASCAR วิ่งวนวนเป็นวงรี มันสนุกตรงไหนเนี่ย

ลองนึกภาพตัวเองนั่งอยู่ในรถดัดแปลงที่มีแต่ที่นั่ง เครื่องยนต์ โครงเหล็ก และแผ่นไฟเบอร์ที่ครอบตัวรถเพื่อให้ดูรูปร่างว่ามันเป็นรถ วิ่งด้วยพลังสองร้อยแรงม้า ความเร็วเฉลี่ย 300 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง วิ่งวนบนถนนเป็นวงรีพร้อมรถคู่แข่งที่แรงพอ ๆ กัน เป็นระยะทาง 500 ไมล์ พลาดสติหลุดเพียงนิดเดียวมีสิทธิ์ลอยไปฟาดผนังจนรถกระจุยกระจายได้ทุกเสี้ยววินาที ลองคิดดูแล้วกันว่าการเป็นนักแข่ง NASCAR ต้องคลั่งแค่ไหนถึงจะลงมาแข่งอะไรประเภทนี้ได้ คนดูในสนามยิ่งคลั่งมากกว่า เพราะสามารถได้เห็นไหวพริบนักแข่งที่ช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงวินาที ได้เห็นรถลายกราฟฟิกสวย ๆ มาประลองกัน ขณะเดียวกันก็มีสิทธิได้เห็นรถเหล่านั้นชนกันวินาศสันตะโร มันช่างสร้างความมันดีแท้

ความเป็นมาและกฎกติกาสุดมึน

บิล แฟรนซ์ ซีเนียร์ หรือ บิ๊กบิล ผู้ก่อตั้ง เขาและภรรยาย้ายมาเปิดอู่ซ่อมรถที่ฟลอริด้า ซึ่งสมัยนั้นมีพวกคลั่งแต่งรถมาประชันความเร็วกันทุกสัปดาห์ที่หาดเดโทน่า เขาเฝ้ามองการแข่งรถและความคลั่งไคล้ความเร็วของผู้คน เขาตั้งปณิธานไว้ว่าจะต้องจัดการแข่งรถที่ยิ่งใหญ่ขึ้นที่นี่ให้ได้ และหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เขาจึงรวมกลุ่มสมาคมแข่งรถทั่วประเทศ มาจัดตั้ง National Association for Stock Car Auto Racing หรือ NASCAR และจัดการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้

ซึ่งกฎการแข่งขันเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาจนปัจจุบัน คนจะดูการแข่งให้รู้เรื่องควรจะเข้าใจกฎกติกาก่อน ซึ่งการแข่งขันแต่ละสนามจะแต่งต่างกันไป เช่น เดโทน่า 500 แปลว่าสนามนี้จะแข่งกัน 500 ไมล์ ใครวิ่งครบก่อนเป็นฝ่ายชนะ ซึ่งเมื่อเอาระยะทางที่ต้องวิ่งมาหารด้วยระยะรอบของสนาม ก็จะได้จำนวนรอบที่ต้องแข่ง จากนั้นจะแบ่งเป็นสามสเตจ

สเตจแรกกับสเตจที่สองวิ่ง 25 % และที่เหลือจะวิ่งในสเตจที่สาม สเตจที่ 1 และ 2 จะให้คะแนนอันดับที่ 1 – 10 และสเตจที่ 3 จะให้คะแนนอันดับที่ 1 – 40 เมื่อวิ่งจบสเตจก็จะมีธงเหลืองให้พักแต่ไม่หยุดวิ่ง ใครจะเข้าพิทก็ตามใจแต่จะเสียอันดับ อันนี้ก็แล้วแต่แผนการของแต่ละทีม เมื่อผ่านไป 26 สนาม จะตัด 16 คนที่คะแนนมากที่สุดเข้ารอบเพลย์ออฟ แต่ที่เหลือจะยังแข่งอยู่ได้เพื่อเก็บคะแนนสะสม จากนั้นทุก ๆ สามสนามจะตัดออกทีละ 4 คน จนเหลือ 4 คนสุดท้ายมาแข่งในสนามสุดท้าย สนามที่ 36 หาแชมป์คว้ารางวัล 1 ล้านดอลล่า

กีฬาอเมริกันชนคือความสุดโต่ง

สำหรับกีฬาของชาวอเมริกันบางอย่างมันก็สวนทางกับความเข้าใจของแฟนกีฬาประเทศอื่น ไม่ว่าจะอเมริกันฟุตบอล เบสบอล หรือ NASCAR บางครั้งมันก็เข้าใจยากสำหรับคนอื่น ๆ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นอเมริกันมันต้องสุดอยู่แล้วทั้งจำนวนผู้ชม สปอนเซอร์หรือความคลั่งไคล้ ถ้าอยากจะเข้าใจจริงบางทีอาจจะต้องศึกษาและค่อย ๆ ซึมซับให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เราอาจจะได้เข้าใจว่ารสชาติความมันแบบอเมริกันมันเป็นยังไง

4 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับโกคาร์ท

เมื่อเอ่ยถึงโกคาร์ท เชื่อได้เลยว่าคนไทยหลาย ๆ คนมักจะจินตนาการไปถึงรถสำหรับให้เด็กขับเล่นในสนามจำลอง ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว รถโกคาร์ทไม่ได้มีความหมายแค่การเป็นรถแข่งของเด็กเท่านั้น รถโกคาร์ทคือแหล่งฝึกแหล่งเรียนรู้สำหรับคนที่กำลังอยากเป็นหนึ่งในนักแข่งรถระดับมืออาชีพเลยก็ว่าได้ วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักรถโกคาร์ทให้ดีมากกว่าเดิม เชื่อแน่ว่าอ่านจบแล้ว คุณจะต้องหลงเสน่ห์รถโกคาร์ทแน่นอน

1.การแข่งขันโกคาร์ท มีในครั้งแรกที่อเมริกา

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเจ้ารถรูปร่างคล้ายฟอร์มูล่าวันนี้จะมีจุดกำเนิดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการแข่งขันจัดที่แคลิฟอร์เนีย ด้วยจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในวันนั้นเองที่ทำให้รถโกคาร์ทได้รับความนิยมมาจนถึงวันนี้ ซึ่งที่น่าทึ่งมากไปกว่านั้นก็คือรถโกคาร์ทได้เกิดมาจากเครื่องยนต์ของเครื่องตัดหญ้านั่นเอง

2.โกคาร์ทคือจุดกำเนิดของนักซิ่งระดับโลก

หากดูให้ดี จะรู้ว่าเจ้าการแข่งรถโกคาร์ทนั้นมีความเหมือนกับการแข่งฟอร์มูล่าวันเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว นักซิ่งระดับโลกในตำนานที่เรารู้จักกันนั้นก็เริ่มต้นมาจากการแข่งรถคาร์ทก่อนด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นมิคาเอล ชูมัคเกอร์ นักซิ่งในตำนานเองก็เริ่มต้นเส้นทางสายนักซิ่งของตัวเองจากการลงแข่งขันโกคาร์ทด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังมี ลูอิส แฮมิลตันและนิโก รอสเบิร์กที่ล้วนแล้วแต่ผ่านสนามซิ่งรถโกคาร์ทกันด้วยกันแทบทั้งสิ้น  สาเหตุที่นักแข่งระดับโลกส่วนใหญ่นั้นเริ่มจากรถโกคาร์ทก็เพราะว่ารถคาร์ทราคาไม่แพงเหมือนรถฟอร์มูล่าวันนั่นเอง อีกทั้งสนามสำหรับซ้อมรถโกคาร์ทก็มีให้เลือกมากมาย

3.Superkart คือประเภทของรถคาร์ทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

หากใครสงสัยว่าประเภทรถโกคาร์ทใดกันที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ก็ต้องบอกเลยว่าเป็น Superkarts นั่นเอง โดยจุดเด่นของ Superkarts ก็คือสามารถเร่งความเร็วได้มากถึง 260 กิโลเมตร : ชั่วโมง ความเร็วในระดับนี้ จัดได้ว่าเป็นความเร็วที่ท้าทายหัวใจเป็นอย่างยิ่ง

4.ประโยชน์ของการขับรถโกคาร์ท ก็คือการสร้างสมาธิ

หลาย ๆ คนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าประโยชน์ของการขับรถโกคาร์ท เป็นการสร้างสมาธิอย่างหนึ่ง อีกทั้งยังก่อให้เกิดความสนุกสนานได้ ทำให้ฮอร์โมนความสุขหลั่งออกมา ที่สำคัญ ใครที่เป็นคนสมาธิสั้นการขับรถโกคาร์ทจะช่วยฝึกประสาทสัมผัสของคุณได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

และนี่ก็คือเรื่องของรถโกคาร์ทที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน ต้องบอกเลยว่ากีฬาชนิดนี้ เป็นกีฬาที่ทั้งตื่นเต้น เร้าใจ ท้าทายความเร็วแบบสุดชีวิต เรียกได้ว่าแม้จะเป็นคนดูหรือคนเล่นก็สนุกได้ทั้งนั้น การเลือกกีฬาที่สนุก เหมาะสมกับตัวเอง และสร้างสรรค์ จะทำให้คุณได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์กว่าเดิม เห็นแบบนี้แล้วต้องลองรถโกคาร์ทดูสักครั้ง

ข้อดีของการแข่งรถในสนามแข่งขัน

การแข่งรถซิ่ง ใครต่อใครก็คงมองว่ามันเป็นเรื่องที่สุดแสนจะอันตราย ทั้งนี้ก็เพราะว่าความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการแข่งรถของคนไทยยังน้อยมาก อีกทั้งการแข่งรถก็ไม่เป็นที่นิยมในไทยมากนัก ส่วนหนึ่งก็เพราะค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง คนที่จะเข้าถึงการแข่งรถในสนามแข่งได้ ส่วนมากก็จะต้องเป็นคนรวยเท่านั้น แต่หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจในกีฬาแข่งรถ วันนี้เราจะพามาดูข้อดีในสนามแข่ง ว่ามีอะไรกันบ้าง

1.ความปลอดภัยสูง

สิ่งแรกที่จัดได้ว่าเป็นข้อดีของการแข่งขันรถในสนามแข่งก็คือ ความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากสนามแข่งรถนั้นสร้างขึ้นเพื่อให้รถซิ่งต่าง ๆ มาแข่งกันอยู่แล้ว โครงสร้างถนน หรือแม้แต่องศาของโค้งก็ย่อมมีมาตรฐาน เหมาะสมกับการขับรถด้วยความเร็วสูงมากกว่าถนนธรรมดา

2.มือใหม่สามารถขับได้แบบสบาย ๆ

อย่างที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นว่าสนามแข่งขันรถนั้นจัดทำถนนเพื่อการแข่งขัน ดังนั้นมือใหม่จึงสามารถขับได้แบบสบายใจไร้กังวล นอกจากไม่ต้องคอยระวังเรื่องมาตรฐานของถนนแล้ว ยังไม่ต้องระวังรถอื่น ๆ แบบการขับขี่บนถนนทั่ว ๆ ไปอีกด้วย คุณสามารถขับขี่ได้ และหัดขับรถแข่งได้เท่าที่ใจต้องการอย่างไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง

3.มีสมาธิจดจ่อกับการขับขี่มากกว่าเดิม

หากไปขับบนถนนทั่วไป แน่นอนว่านักขับจะต้องใช้ความระแวดระวังกับรถคันอื่น ๆ ที่ขับตามปกติ นอกจากนี้ยังไม่ได้ฝึกทักษะเกี่ยวกับการขับรถแบบที่ตั้งใจอีกด้วย แตกต่างจากการขับในสนามที่หากได้ขับแล้วคุณจะเพลิดเพลินไปกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง และได้พัฒนาฝีมือให้มากขึ้นกว่าเดิม

4.ได้รู้จักนักซิ่งคนอื่น ๆ

สนามแข่งรถเหมือนเป็นแหล่งรวบรวมเอานักซิ่งไว้ด้วยกัน หากคุณได้ลองไปที่สนามสักครั้ง คุณจะได้รู้จักเพื่อนนักซิ่งมากมาย รวมถึงรู้จักนักซิ่งที่มีประสบการณ์ในการขับขี่ สามารถแนะนำเทคนิคการขับขี่ที่ดี ๆ ให้กับคุณได้ คุณจะมีเพื่อนเป็นก๊วนนักซิ่ง ที่ทำให้คุณไม่เบื่อหน่ายเวลามาซ้อมขับรถอีกต่อไป แตกต่างจากการหัดซิ่งคนเดียว ที่บางครั้งอาจจะมีความเบื่อหน่ายหรือท้อแท้บ้าง แต่หากว่ามีเพื่อน เพื่อนจะคอยฉุดดึงให้คุณมีกำลังใจซ้อมมากกว่าเดิม

5.ไม่ทำให้คนทั่วไปมองนักซิ่งในแง่ร้าย

ต้องบอกเลยว่าคนไทยส่วนใหญ่บางครั้งมักมองนักซิ่งในแง่ร้าย บางทีพาลมองว่าเป็นสายแว้น นั่นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีนักซิ่งบางส่วนนิยมซิ่งในถนนสาธารณะรบกวนการใช้รถใช้ถนนของคนทั่วไป การขับในสนามจะทำให้มุมมองของคนอื่น ๆ มองนักซิ่งในแง่ดีกว่าเดิม

หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากลองขับรถซิ่ง และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ไหนดี แนะนำว่าให้ลองไปที่สนามแข่งรถก่อนจะดีที่สุด การไปสัมผัสบรรยากาศการแข่งรถจะทำให้คุณตัดสินใจได้ว่าแท้จริงแล้วคุณชอบกีฬารถแข่งมากแค่ไหน ไม่แน่ว่าคุณอาจจะเป็นนักซิ่งมืออาชีพในอนาคตก็เป็นได้

เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับการแข่งขัน F1 ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

กีฬารถแข่งเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากคนทั้งโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬารถแข่ง F1 เนื่องจากเป็นการแข่งขันระดับสูงสุดของกีฬารถแข่งนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดี เราคนไทยอาจจะไม่คุ้นเคยกับกีฬารถแข่ง F1 สักเท่าไรนัก และอาจจะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันอยู่ไม่น้อย วันนี้เราอาสาพามาดูข้อมูลเกี่ยวกับกีฬารถแข่ง F1 เชื่อได้เลยว่าคุณจะต้องหลงรัก กีฬารถแข่ง F1 อย่างแน่นอน

1.ฟอร์มูลาวันไม่ใช่รุ่นของรถ

หลาย ๆ คนได้ยินคำว่าฟอร์มูลา อาจจะคิดว่าเป็นชื่อรุ่นรถที่เข้าร่วมการแข่งขันหรือว่ายี่ห้อรถ แต่ว่านั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด แท้ที่จริงแล้วฟอร์มูลาแปลว่าสูตรนั่นเอง และสูตรหนึ่งก็คือกติกาที่นักแข่งรถจะต้องปฏิบัติตามให้ตรงกันหากจะเข้าร่วมการแข่งขันนี้นั่นเอง ยกตัวอย่างกติกาง่าย ๆ ก็คือการขับรถที่เข้าแข่งขันด้วยความเร็วสูงสุด 360 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เรียกได้ว่าเป็นกีฬาที่ท้าความเร็วเป็นอย่างยิ่ง

2.ฟอร์มูลาวันเกิดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

หลาย ๆ คนได้อ่านประวัติการถือกำเนิดของโกคาร์ทที่เกิดในประเทศสหรัฐอเมริกา ก็พาลเข้าใจไปว่าฟอร์มูลาวันเกิดที่ประเทศนี้เช่นกัน แต่แท้ที่จริงแล้วฟอร์มูลาวันนั้นเกิดในทวีปยุโรป และมีศูนย์กลางการแข่งขันที่ทวีปยุโรปมานับตั้งแต่อดีต แต่ทว่าด้วยปัจจุบันนี้การเดินทางไปประเทศต่าง ๆ ในโลกนั้นเป็นเรื่องง่ายก็เลยเกิดการขยับขยายการแข่งขันไปที่ทวีปอื่นแล้วบ้าง

3.นักแข่งรถที่เพิ่งเสียชีวิตในการแข่งขันเมื่อไม่นานมานี้แข่ง F1

ช่วงเดือนสิงหา 62 ที่ผ่านมา หลายคนอาจจะเคยได้ยินข่าวนักแข่งรถเสียชีวิตในการแข่งขันและเข้าใจไปว่าเป็นนักแข่งรถ F1 แต่แท้ที่จริงแล้วนักแข่งรถคนนี้เป็นนักแข่งรถ F2 นั่นเอง ชื่อของเขาก็คืออองตวน อูแบร์ โดยเขาประสบอุบัติเหตุในขณะแข่งขัน รถที่เขาขับเสียหลัก จากการเร่งความเร็วแซงรถที่ตีคู่กันอยู่ แต่แซงไม่ได้และชนโค้งจนรถขาดสองท่อน นับได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรมของการแข่งรถ F2 เลยทีเดียว

4.คนไทยไม่เคยเข้าร่วมการแข่งขัน F1

นี่ก็เป็นความเข้าใจที่ผิดเช่นกัน เนื่องจากว่าคนไทยก็เคยเข้าร่วมการแข่งขัน F1 ได้แก่ คนแรกคือ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช ซึ่งเคยลงแข่งขันรายการ F1 ในปี 1950-1955 และคนไทยคนที่สองก็คือ อเล็กซ์ อัลบอนด์ นั่นเอง

และนี่ก็คือเรื่องราวของการเข้าใจผิดเกี่ยวกับรถ F1 ที่เราคาดว่าคนไทยหลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งนี้ก็เพราะความนิยมของการแข่งขันรถ F1 ในประเทศไทยยังไม่แพร่หลายมากในต่างประเทศ ในขณะที่ต่างประเทศนั้น มีการถ่ายทอดสดการแข่งขันเลยทีเดียว เป็นการแข่งรถที่ชาวยุโรปต่างตั้งตารอคอยและส่งใจไปเชียร์ ในเมื่อเรารู้แล้วว่าการแข่งรถ F1 มีจุดที่น่าสนใจมากขนาดนี้ ก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะตั้งใจลองดูการแข่งกีฬารถแข่ง F1 อีกครั้ง

4 เหตุผลที่ผู้หญิงต้องลองเป็นนักแข่งรถสักครั้งในชีวิต

ผู้หญิงกับการขับรถแข่ง…หากพูดไปผู้หญิงเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์คงส่ายหน้า ไม่กล้าบ้าง ห่วงสวยบ้าง กลัวเกิดอุบัติเหตุบ้าง แต่เชื่อหรือไม่ว่าการเป็นนักขับรถแข่งนั้นมีความน่าสนใจมาก และหากคุณพอจะมีทุนทรัพย์อยู่บ้างก็ควรลองเป็นนักขับรถแข่ง เพื่อเติมเต็มชีวิตของตัวเองให้สุดมันมากกว่าเดิม เหตุผลใดบ้างที่มาสนับสนุนว่าผู้หญิงควรลองเป็นนักแข่งรถสักครั้งหนึ่งในชีวิต  การเป็นนักขับรถแข่งมีเสน่ห์อย่างไร ทำไมนักแข่งรถเพศหญิงจึงได้หลงใหลกีฬารถแข่งนัก อยากรู้ต้องมาดูกัน

1.เติมเต็มประสบการณ์ชีวิต

สิ่งแรกที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของการลองขับรถแข่งก็คือ ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ชีวิตของคุณให้เต็มขึ้นมาได้ คุณเคยหรือไม่กับการเบื่อชีวิตอันแสนซ้ำซากจำเจของตัวเอง ใช้ชีวิตแบบเดิมไปในทุก ๆ วัน หากได้เปลี่ยนชีวิตบทใหม่ เปลี่ยนฉากชีวิตเดิม ๆ เติมความตื่นเต้นให้กับชีวิตของตัวเอง

2.เพิ่มสมาธิมากกว่าเดิม

การขับรถแข่งในสนาม ถือเป็นการสร้างสมาธิให้กับตัวเองได้มากทีเดียว เพราะในห้วงยามที่เรากำลังจดจ่อกับเส้นทางที่ต้องมุ่งไปด้วยความเร็วสูง สิ่งที่จะตามติดมาคู่กันก็คือสมาธิที่ต้องสูงยิ่งกว่าความเร็วของรถ เพราะหากว่าพลาดไปนิดเดียวอาจจะเกิดอันตรายได้ การขับรถแข่งจึงเป็นการสร้างสมาธิสำหรับหญิงสาวที่อยากฝึกสมาธิ อยากจดจ่อกับอะไรสักอย่างนั่นเอง

3.เสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวคุณเอง

สิ่งหนึ่งที่การขับรถแข่งจะมอบให้กับคุณผู้หญิงได้ก็คือความมั่นใจในตัวเองที่มากกว่าเดิม แต่หากว่าคุณได้ลองมาขับรถแข่ง สิ่งที่จะได้ไปแน่นอนคือการเชื่อว่าตัวเองสามารถทำอะไรที่ยาก ๆ ได้ แม้แต่การขับรถแข่งที่ถือว่าเป็นกีฬาของหนุ่ม ๆ คุณก็ผ่านมาแล้ว เรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป สาว ๆ คนไหนที่เป็นคนไม่กล้าคิดกล้าทำ ไม่มั่นใจในตัวเอง ลองไปขับรถแข่งแล้วคุณจะรู้ว่าไม่มีอะไรอีกแล้วที่คุณจะผ่านมันไปไม่ได้

4.ลืมความทุกข์ใจไปได้

หากคุณมีเรื่องเครียด เรื่องกังวลกับอะไรก็ตามที่ไม่เป็นไปอย่างที่ใจหวัง ลองไปขับรถแข่งดูสักครั้ง คุณจะพบว่าการขับรถทำให้คุณลืมสิ่งที่ตึงเครียดในชีวิตไปได้ บางคนอกหัก รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไร้ความหมาย การขับรถแข่งจะทำให้คุณรู้สึกว่าชีวิตคุณมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น คุณมีศักยภาพที่จะทำอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ ได้

นี่ก็เป็นข้อดีของการลองขับรถแข่งสักครั้งในชีวิตลูกผู้หญิง หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากเติมเต็มประสบการณ์ให้ตัวเอง อยากลองทำอะไรใหม่ ๆ และคิดว่าการขับรถแข่งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ลองก้าวข้ามสิ่งที่เรียกว่า “ความกลัว” ออกไปใช้ชีวิตดังที่ใจปรารถนา แล้วคุณจะค้นพบความสุขในรูปแบบใหม่ ความตื่นเต้น ความมีอิสระ สิ่งเหล่านี้คุณจะพบได้กับการขับรถแข่งอย่างแน่นอน สัมผัสมิติใหม่ของการขับรถแบบที่คุณไม่เคยพานพบ แล้วคุณจะติดใจ