“วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์” นักแข่งไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ GT World Challenge Asia

Blancpain GT World Challenge Asia ถือเป็นรายการแข่งขันรถซูเปอร์คาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอเชีย โดยผู้ชนะจะได้สิทธิเข้าแข่งขันในรายการ FIA GT World Cup ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมาจะมีนักแข่งรถชาวไทยเข้าร่วมประลองความเร็วในทุกรุ่นการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น GT3 Silver, GT3 Pro-Am, GT3 Am และ GT4 แต่ไม่เคยมีใครเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์สักครั้งเดียว จนกระทั้ง “วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์” จากทีม Panther/AAS Motorsport คว้าแชมป์ในรุ่น GT3 Pro-Am ได้สำเร็จในปี 2019

วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ ถือเป็นนักแข่งรถที่มากประสบการณ์ กวาดรางวัลมาแล้วมากมายทั้งระดับประเทศและนานาชาติ โดยคลุกคลีกับวงการมอเตอร์สปอร์ตมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี จากการเป็นบุตรชายคนโตของเจ้าสัวอนุศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด บริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่และเบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย แม้ในปัจจุบันจะดำรงตำแหน่งประธานบริหารบริษัท แต่เขาก็ยังไม่ทิ้งอาชีพนักแข่ง โดยเป็นผู้ก่อตั้งทีม ASS Motorsport และยังเป็นนักแข่งประจำทีมอีกด้วย

วุฒิกรเคยเข้าร่วมการแข่งขัน Blancpain GT World Challenge Asia ในรุ่น GT3 Pro-Am  มาแล้วเมื่อปี 2017 ในนามทีม est cola Thailand โดยขับ Porsche911 GT3 R ลงแข่งขันไปเพียง 2 สนาม ในสนามที่ 3 และ 4 ของรายการ ซึ่งจัดขึ้นที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เก็บได้ 3 แต้ม จากการจบในอันดับที่ 9 และอันดับที่ 10 ตามลำดับ

ภายหลังก่อตั้งทีม ASS Motorsport วุฒิกรเข้าร่วมการแข่งขัน Blancpain GT World Challenge Asia อีกครั้งในปี 2019 ซึ่งได้ Alexandre Imperatori นักแข่งรถชาวสวิสมาเป็นทีมเมท โดยเลือกใช้ Porsche911 GT3 R เหมือนเดิม และตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันครบทั้ง 12 สนาม ก่อนจะซิ่งปอร์เช่คู่ใจเข้าเส้นชัยเป็นคันแรกในรุ่น GT3 Pro-Am  ถึง 5 สนาม จากสนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย, สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศไทย, สนามฟูจิ สปีดเวย์ ประเทศญี่ปุ่น, สนามเกาหลี อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศเกาหลีใต้ และสนามเซี่ยงไฮ้ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศจีน โดยทำคะแนนได้เป็นอันดับ 1 ในรุ่น GT3 Pro-Am คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ แถมยังทำคะแนนรวมได้ถึง 141 คะแนน รั้งอันดับ 2 Overall  ตามหลัง Roelof Bruins นักแข่งชาวดัตช์ที่เลือกใช้ Mercedes-AMG GT3 และคว้าแชมป์ GT3 Silver ไปครอง เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮากระฉ่อนไปทั่วในเว็บ VWIN เลยทีเดียว

การคว้าแชมป์ของวุฒิกรครั้งนี้ ทำให้เขาได้รับเลือกให้เข้าแข่งขันรายการ FIA Motorsport Games GT Cup ในนามทีมชาติไทย ร่วมกับทีมชาติจากทั่วโลกอีก 21 ประเทศ ณ สนาม ACI Vallelunga Circuit ประเทศอิตาลี โดยครั้งนี้ได้ กันตธีร์ กุศิริ เป็นทีมเมท พร้อมด้วย Porsche911 GT3 R คันเดิม ทั้งคู่ช่วยกันขับปอร์เช่คู่ใจทำคะแนนในรอบจัดอันดับจนได้ลำดับการปล่อยตัวเป็นที่ 6 ในรอบ Main Race ซึ่งในการแข่งขันรอบตัดสินช่วงแรก ทีมชาติไทยสามารถเร่งเครื่องจนขึ้นไปอยู่ในอับดับ 1 แต่ด้วยสภาพอากาศที่มีฝนตกอย่างหนักและความไม่คุ้นเคยกับสนาม ทำให้พวกเขาหลุดจากแทร็กในช่วงโค้งที่ 4  จนต้องออกจากการแข่งขันไปก่อนจะเข้าเส้นชัย

ปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นผู้นำการจัดการแข่งขันรถยนต์ของอาเซียน โดยมีการแข่งขัน Thailand Super Series ซึ่งจัดขึ้นประจำทุกปีเป็นกำลังสำคัญในการสร้างนักแข่งรถยนต์รุ่นใหม่ ความสำเร็จของวุฒิกรถือเป็นอีกก้าวสำคัญของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยในเวทีระดับโลก นับเป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้แก่นักแข่งรุ่นน้องที่จะช่วยผลักดันให้พวกเขาก้าวขึ้นมาประสบความสำคัญระดับโลกในอนาคต

มิคาเอล ชูมัคเกอร์ ตำนานของนักแข่งรถ

หากเอ่ยถึงนักแข่งรถที่เป็นตำนานของโลก ที่พูดชื่อขึ้นมาใครต่อใครก็ต้องรู้จัก หนึ่งในชื่อนั้นต้องมีชื่อของชูมี หรือมิคาเอล ชูมัคเกอร์อย่างแน่นอน เส้นทางการเป็นนักแข่งรถของเขาแม้ไม่ได้เริ่มต้นด้วยกลีบกุหลาบแต่ทว่าใช้ความพยายามอย่างน่าดู แม้ปัจจุบันเขาจะยังป่วยอยู่ คนทั่วโลกก็ยังคงเป็นห่วงเขาและจดจำเขาไว้ในตำนานนักแข่งรถ วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับมิคาเอล ชูมัคเกอร์ให้มากขึ้น

มิคาเอล ชูมัคเกอร์กับเส้นทางนักแข่งรถที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

นักแข่งรถในตำนานคนนี้ เริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักแข่งรถในวัย 12 ปี เริ่มจากการเข้าร่วมการแข่งรถคาร์ต แต่ในวัย 12 ปีนั้นเขาไม่มีใบขับขี่ แต่ด้วยความพยายาม ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรค ก็เลยทำให้เขาไปต่อใบขับขี่ที่ประเทศลักแซมเบิร์ก และที่น่าทึ่งไปกว่านั้นก็คือ ปีถัดมาเขาสามารถเป็นแชมป์รถคาร์ตได้ ด้วยความสนใจในเรื่องรถเป็นพิเศษ เขาจึงได้เดินไปตามเส้นทางการแข่งรถ และได้เป็นแชมป์ของรถ F3 เมื่อปีคริสตศักราช 1990 จนกระทั่งฝึกฝนฝีมือจนกลายเป็นนักแข่งรถชื่อดังก้องโลกและเป็นตำนานอย่างทุกวันนี้

อุบัติเหตุที่พลิกผันชีวิต

ในชีวิตของมิคาเอล ชูมัคเกอร์นั้นเจออุบัติเหตุสองครั้งใหญ่ ๆ และสองครั้งนั้นก็ทำให้ชีวิตของเขาพลิกผันไปมากเลยทีเดียว อุบัติเหตุแรกเกิดในระหว่างการแข่งขันที่ประเทศอังกฤษ โดยรถของเขาได้พลิกคว่ำ ทำให้เขาบาดเจ็บจากกระดูกหน้าแข้งและบริเวณน่องหัก ต้องพักฟื้นร่างกายอย่างยาวนาน จนในที่สุดเขาตัดสินใจเลิกแข่งขันไปในปี 2006 ทว่าคงเป็นมนต์เสน่ห์ของรถแข่งที่ทำให้เขาตัดไม่ขาด ในปี 2010 เขาตัดสินใจกลับมาเข้าสังกัดนักแข่งรถของเมอร์เซเดสอีกครั้ง แต่ทว่าการกลับมาครั้งนี้เขาสร้างผลงานได้ไม่ดี สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจออกจากวงการแบบถาวร

อุบัติเหตุครั้งที่สองที่พลิกชีวิตเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือก็คืออุบัติเหตุจากการเล่นสกี จนศีรษะของเขาบาดเจ็บเพราะกระแทกโขดหิน จากอุบัติเหตุครั้งนี้ได้ทำให้เขากลายเป็นเจ้าชายนิทรา ที่น่าแปลกใจก็คือครอบครัวของเขาพยายามอย่างยิ่งที่จะปิดข่าวว่าอาการของเขาเป็นอย่างไรบ้าง ทั้ง ๆ ที่ VWIN และคนทั้งโลกยังรักและเอาใจช่วยเขา ปรารถนาจะเห็นเขากลับมาใช้ชีวิตดังเดิมอีกครั้ง

สำหรับแฟนรถแข่งคนใดที่ยังคิดถึงเขาอยู่ และอยากจะรู้เรื่องราวของชีวิตเขาให้มากกว่านี้ ปลายปี 2019 มีภาพยนตร์สารคดีของเขาที่ชื่อว่า Schumacher แน่นอนว่าหากใครยังคิดถึง ก็จะได้ชมชีวิตเขาได้อย่างเต็มอิ่มและจุใจเลยทีเดียว แม้ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเห็นเขากลับมาโลดแล่นบนสนามรถแข่งอีกครั้งหรือไม่ แต่สิ่งที่คนทั้งโลกทำได้ดีที่สุดก็คือ เอาใจช่วยให้ราชานักแข่งรถคนนี้กลับมามีสุขภาพที่ดีดังเดิม

Jaguar I-PACE สปอร์ตหรูดูสง่างาม นวัตกรรมล้ำ ๆ ที่สะกดทุกสายตา

สำหรับแบรนด์รถสปอร์ตสุดหรูชั้นแนวหน้าอย่าง Jaguar นั้นถ้ามีการปล่อยรถรุ่นใหม่ออกมาต้องบอกเลยว่าถูกใจคนชอบรถหรูทุกคนแน่นอน อย่างล่าสุดทางจากัวร์ขออินเทรนด์กับกระแสรักษ์โลก จึงของัดเอาความหรูดูสปอร์ตไม่เหมือนใครมาผสานกับแนวคิดรักษ์โลก จนได้นวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ลงตัว อย่าง Jaguar I-PACE ที่บอกได้คำเดียวว่าแค่เห็นไกล ๆ ก็สะกดสายตาคุณได้อย่างไม่ยากเย็น

ภายนอกโฉบเฉี่ยวและทรงพลัง

Jaguar I-PACE เป็นสปอร์ต SUV แบบ 5 ที่นั่งใช้งานได้อเนกประสงค์ ที่บอกได้คำเดียวว่าแค่เห็นก็จะอดมองไม่ได้ โดยเดิมทีแล้ว Jaguar มีดีไซน์รถที่หรูหราสวยงามอยู่เสมออยู่แล้ว ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าในท้องตลาดปัจจุบันนั้นเรื่องการดีไซน์อาจจะไม่ได้หวือหวาสักเท่าไหร่ เพราะเน้นในเรื่องการใช้งานเสียมากกว่า แต่นี่จึงต้องบอกว่าเป็นนวัตกรรมใหม่จริง ๆ เพราะ Jaguar เอาดีไซน์ที่หรูหราเป็นเอกลักษณ์ของตนเองมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้รูปลักษณ์ของ Jaguar I-PACE ดูโดดเด่นมีความโฉบเฉี่ยวขณะเดียวกันก็ดูแกร่งทรงพลังในตัวเองสมความเป็นรถสปอร์ต ถ้าวัดความยาวของตัวรถรุ่นนี้จะอยู่ที่ 4,682 มิลลิเมตร ในส่วนของฐานล้อของรถความยาวจะอยู่ที่ 2,990 มิลลิเมตร สัดส่วนดูลงตัวทีเดียว ในส่วนอื่น ๆ หากมองรวม ๆ ก็ต้องบอกว่าดูดีทุกจุด เช่นกระจังหน้า และในส่วนช่องกระจกออกแบบมาได้ลงตัวดูสง่าเอามาก ๆ เชื่อว่าใครเห็นก็ต้องชอบ

ภายในจัดเต็มด้วยมาตรฐานใหม่ที่น่าสนใจเพียบ

Jaguar I-PACE มาด้วยมาตรฐานใหม่ในขุมพลังสุดแรงและฟังก์ชันล้ำ ๆ เพียบ อย่างที่กล่าวไปรุ่นนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อชาร์จไฟจนเต็ม 1 ครั้ง ก็จะสามารถขับขี่ได้ในระยะทาง 470 กิโลเมตร กำลังของเครื่องยนต์อยู่ที่ 400 แรงม้า แรงบิดทำได้สูงไม่เบาอยู่ที่ 696 นิวตันเมตร คือ คุณสามารถทำอัตราเร่งตั้งแต่ 0 – 100 ได้ภายใน 4 วินาทีกว่า ๆ เท่านั้น ตอบโจทย์การขับขี่ยุคใหม่ที่ต้องการความแรงและประหยัดพลังงาน ซึ่งทาง Jaguar ได้ทำรีเสิร์จตลาดได้ดีทำให้เข้าใจความต้องการของคนยุคใหม่มักจะอินไปกับอะไรที่ง่าย เร็ว สะดวก แต่ดี เรียบแต่หรู ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่มักจะต้องการอะไรที่ง่ายและลงตัว กิจกรรมความบันเทิงก็เลือกที่จะเข้ามาแพลตฟอร์มออนไลน์กันเกือบจะ 100% ซึ่งเราจะเห็นกันได้จากการรับชมความบันเทิงที่เน้นไปที่ช่องทางออนไลน์ การเติบโตของวงการพนันออนไลน์ก็สะท้อนเรื่องนี้ได้ดี อย่างเว็บไซต์พนันกีฬาออนไลน์ VWIN เป็นหนึ่งกระบอกเสียงว่าคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มออนไลน์กันขนาดไหน จึงไม่แปลกที่สิ่งของเครื่องใช้ที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์จะต้องออกมาให้ใช้ง่ายดูดีและขณะเดียวกันก็ต้องสอดรับกับกระแสสังคมไปด้วยในเวลาเดียวกัน และแน่นอนรถยนต์ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ด้วย Jaguar จึงให้มีการออกแบบภายใน I-PACE มาเป็นพิเศษห้องโดยสารกว้าง เหยียดแข่งเหยียดขาได้เต็มที่ และมีพื้นที่จัดเต็มสำหรับ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ตเอาใจไลฟ์สไตล์ออนไลน์ของคนรุ่นใหม่ด้วย

Jaguar I-PACE แม้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่ก็ไม่ได้เสียท่วงท่ารูปลักษณ์ของรถสปอร์ตไปแต่อย่างใด สมรรถนะการขับขี่ทำได้ดี การชาร์จแบตเตอรี่ก็ได้มาตรฐานสามารถชาร์จ 0 – 80% ได้ในเวลาประมาณ 30 – 40 นาทีเท่านั้น เทคโนโลยีภายในก็มาแบบจัดเต็มเพื่อการขับขี่ที่สะดวกและปลอดภัย เรียกว่ารุ่นนี้ได้ใจคนชอบรถสปอร์ตอเนกประสงค์แน่นอน แต่ขึ้นชื่อว่า Jaguar ก็ต้องแรงเป็นธรรมดา Jaguar I-PACE มีให้เลือก 3 รุ่น ราคาก็ตั้งแต่ 5.5 – 7 ล้านใครสู้ราคาได้ก็ลองไปสัมผัสกันดู

รถหรูมาแรง ประจำปี 2018

หากพูดถึงงานอดิเรกหรือของสะสม แต่ละคนอาจมีภาพในความคิดแตกต่างกัน บางคนชอบเล่นเกม Fun88 หวย บางคนแข่งรถเป็นงานอดิเรก และคงมีหลายคนที่ชอบสะสมรถหรูและชื่นชอบในความเร็ว วันนี้ขออัพเดต 3 รถหรูมาแรง ประจำปี 2018

เริ่มที่ โรลส์-รอยซ์ รถยนต์ซูเปอร์ อัลตร้า ลักเซอรี่ ที่อยู่ในใจหลายคน ที่นอกจากความหรูในทุกด้านแล้ว ยังเป็นรถที่แสดงความเป็นบิลเลี่ยนแนร์ได้เป็นอย่างดี ปี 2018 นี้ โรลส์-รอยซ์ ได้ออกโมเดลใหม่ “นิว แฟนธอม” ที่มีโครงสร้าง Spaceframe มีน้ำหนักเบา แข็งแกร่ง เงียบ ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวล เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.75 ลิตร แบบอัดอากาศเทอร์โบคู่ แรงบิดต่ำสุด 900 นิวตัน-เมตร 1,700 รอบ/นาที ที่ให้กำลังสูงสุด 563 แรงม้า ทำให้สามารถวิ่งได้เงียบแม้ใช้ความเร็วต่ำ ไร้การกระตุกของเครื่องเมื่อเร่งความเร็ว ติดตั้งระบบส่งกำลังแบบ Satellite Aided Transmission ทำงานผสานกับเกียร์รุ่น ZF 8 สปีด มีกล้องที่ติดตั้งไว้กับกระจกหน้ารถ เพื่อให้มองเห็นถนนข้างหน้าในระยะไกล ทำให้ตัวรถสามารถปรับค่าระบบกันสะเทือนล่วงหน้า

2. Porsche 911 GT3 RS ถูกสร้างมาเพื่อเป้าหมายที่ชัดเจนคือการเป็นเจ้าสนามความเร็ว มีโครงสร้างตัวถังและระบบช่วงล่างสไตล์รถแข่ง เครื่องยนต์กระบอกสูบขนาด 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 520 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 3.2 วินาที ให้ความเร็วสูงสุด 312 กม./ชม. มีระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear axle steering ออกแบบเพื่อเน้นความแม่นยำเป็นพิเศษ โครงสร้างน้ำหนักเบา โดดเด่นด้วยปีกหลังทรงสูงแบบคลาสสิก ภายในห้องโดยสาร ประกอบด้วยเบาะนั่ง full bucket seats ผลิตจากวัสดุคาร์บอนมีคุณสมบัติดีทั้งในแง่ของความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งาน เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง แผงประตูน้ำหนักเบาติดตั้งตาข่ายยึดสัมภาระ และมือเปิดแบบ opening loops เครื่องยนต์เบนซินขนาดความจุ 4.0 ลิตร 6 สูบ กำลังสูงสุด 520 แรงม้า ส่งผลให้กำลังเพิ่มขึ้นถึง 20 แรงม้า สามารถเร่งรอบการทำงานได้สูงสุดถึง 9,000 รอบ/นาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ PDK

สุดท้าย Ferrari Portofino รถสปอร์ตหรู หลังคาแข็งเปิดประทุนแบบ Retractable ที่นอกจากความใหม่แล้ว ยังเป็นรุ่นที่เข้ามาแทนที่ California T อีกด้วย มีความยาวตัวถังอยู่ที่ 4,586 มม. x กว้าง 1,938 มม. x สูง 1,318 มม. มีกระจังหน้าสีดำ ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ ชุดไฟหน้า Full-LED ทรงบูมเมอแรง ชุดไฟท้ายทรงกลมที่เป็นซิกเนเจอร์ มีเครื่องยนต์ V8 ระบบอัดอากาศ Turbocharged ความจุ 3,855 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 600 แรงม้า 7,500 รอบ/นาที แรงบิด 760 นิวตัน-เมตร 3,000 – 5,250 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด Dual- Cluth อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 3.5 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 320 กม./ชม. พวงมาลัยพาวเวอร์ ระบบช่วงล่างแบบ Magnetorheological Damping System อัพเกรดสปริงแบบ Dual-Coil Technology เพื่อลดอาการโคลงของตัวถัง และดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน ภายในมีจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 10.2 นิ้ว มีจอแยกฝั่งผู้โดยสาร เบาะนั่งหลังมีเนื้อที่วางขากว้างขึ้น แต่ก็ไม่น่าจะได้ใช้ประโยชน์ เพราะรถแบบนี้ คงไม่นั่งเกิน 2 คนแน่ๆ